การแข่งขันพรีเมียร์กลับมาจากช่วงเบรกหนีหนาว แล้วก็มีผลการแข่งขันที่น่าสนใจหลายคู่ไม่ว่าจะเป็นอาร์เซนอลที่มีผู้เล่นโดนใบแดงแต่ก็ยังเบียดชนะวูล์ฟได้ รวมไปถึงการพบกันระหว่างสเปอร์สกับเซาแธมป์ตันที่ยิงรวมกันไปถึง 5 เม็ด
ลิเวอร์พูล 2 : 0 เลสเตอร์ซิตี้
เริ่มเกมได้เพียง 5 นาทีเจ้าถิ่นได้ทักทายก่อนจากลูกฟรีคิ๊กเทรนด์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลเปิดบอลให้ฟีร์มิโน่ได้โหม่งแต่บอลข้ามคาน นาที 18 ลิเวอร์พูลขึ้นบอลทางซ้ายเกมรับเลสเตอร์พยายามสกัดแต่บอลมาเข้าทางเทรนด์-อาร์โนลได้แต่งหนึ่งทีก่อนซัดเต็มข้อในกรอบเขตโทษโชคยังดีที่แคสเปอร์ ชไมเคิลช่วยเซฟไว้ได้ นาที 33 หงส์แรงได้เฮจากลูกเตะมุมทางขวาบอลมาเข้าหัวฟาน ไดค์แบบเต็มกบาลแคสเปอร์ ชไมเคิลเซฟไว้ได้ในชอตแรกแต่บอลยังเข้าทางปืนโชต้าตะบันง่ายๆเข้าไปเป็น 1-0 นาที 41 โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ได้ช่องส่องไกลแต่บอลก็ยังตรงตัวแคสเปอร์ ชไมเคิลจบครึ่งแรกหงส์แดงจึงยังนำแค่เม็ดเดียว ครึ่งหลังเจ้าถิ่นส่งตัวสำรองอย่างโม ซาล่าและฮาวี่ แอลเลียตเพื่อหวังยิงเพิ่มแต่ก็ยังทำได้แค่เสียวเท่านั้น อย่างไรก็ตามท้ายเกมนาที 86 หลุยซ์ ดิอาซพาบอลลุยจากกราบซ้ายก่อนป้ายต่อให้มาติปที่หน้าเขตโทษ แม้จะมีกองหลังเลสเตอร์ยืนรอดักอยู่เพียบแต่กองหลังแคเมอรูนก็ยังหาช่องไหลต่อให้ดีโอโก้ โชต้าตวัดยิงง่ายๆเข้าไปเป็นประตูที่สอง หมดเวลาการแข่งขันลิเวอร์พูลจึงเก็บชัยชนะเหนือเลสเตอร์ 2-0
วูล์ฟแฮมตัน 0 : 1 อาร์เซนอล
นาทีที่ 24 อาร์เซนอลได้เตะมุมทางซ้ายกองหลังวูล์ฟสกัดไม่พ้นอันตรายเบน ไวท์โขกบอลกลับมาลุ้นกลางประตูอเล็กซองด์ ลากาแซตต์พยายามเล่นบอลแม้จะไม่ถนัดแต่กลายเป็นทำลายจังหวะออกมาสกัดบอลของผู้รักษาประตูเจ้าบ้านอย่างโฮเซ่ ซาร์ บอลจึงเลยไปถึงกาเบรียล มาร์กินยอสจิ้มเผาขนเข้าประตูไปเป็น 1-0 ท้ายครึ่งแรกนาที 41 เนลสัน เซเมโด้วิงแบ็ควูล์ฟได้จังหวะส่องไกลแต่บอลที่ผ่านมืออาร์รอน แรมเดลล์กลับหลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดาย นาที 42 ทีมเยือนได้ลุ้นเม็ดสองบูกาโย่ ซาก้าตวัดจ่ายบอลเร็วจากทางขวาบอลมาให้ลากาแซตต์ได้ยิงเน้นๆแต่บอลก็ยังตรงตัวโฮเซ่ ซาร์ ครึ่งหลังเกมมามีจุดเปลี่ยนสำคัญเมื่อกาเบรียล มาร์กินยอสได้รับใบเหลืองคราวเดียวถึงสองใบ โดยผู้ตัดสินเป่าว่าดาวเตะแซมบ้าฟาวส์ในจังหวะแรกที่ขวางคู่แข่งในจังหวะทุ่มเร็วและมาฟาวส์รอบสองที่จังหวะเบรกเกมชิควินโญ่ แล้วลูกตั้งเตะจากจังหวะนี้เองวูล์ฟก็ส่งบอลไปจมก้นตาข่ายได้ทันที เมื่อกรานิต ชาก้าพยายามเข้าสกัดบอลแต่ผิดเหลี่ยมเข้าประตูตัวเอง ยังดีที่ผู้ตัดสินให้เป็นจังหวะล้ำหน้าไปก่อน ช่วงเวลาที่เหลือวูล์ฟบุกอีกหลายชุดแต่ก็ยิงไม่ผ่านความหนึบของอาร์รอน แรมเดลล์ได้เลย จบเกมส์อาร์เซนอลจึงบุกมาชนะวูล์ฟได้หวุดหวิด 1-0
ท็อตแน่มฮอตสเปอร์ส 2 : 3 เซาแธมป์ตัน
นาทีที่ 17 ปิแอร์ ฮอยเบิร์กลุยขึ้นมาเองทางขวาก่อนปาดบอลเข้ามาหน้าปากประตูซน-ฮึง-มินโผเข้าเล่นบอลไม่ทันแต่กลายเป็นดีเหมือนกองหลังทีมเยือนแยน เบนดาเร็คแหย่เท้าสกัดโดนบอลแทนส่งบอลเข้าประตูตัวเองสเปอร์สจึงเป็นฝ่ายขึ้นนำ 1-0 นาที 20 นักบุญเกือบตามคืนได้จากลูกยิงเรียดของเจมส์ วอร์ด-เพร้าบอลพุ่งเข้าจะเสียบโคเสาอยู่แล้วแต่ฮูโก้ โยริสยังโผปัดออกหลังไปได้ แต่อีกสองนาทีต่อมาเซาแธมป์ตันก็มาตีเสมอได้อยู่ดีเมื่อโรแม็ง แปร์โรด์ปาดบอลจากทางซ้ายให้อามันโดร โบรย่าแปง่ายๆเข้าประตูเป็น 1-1 หลังจากนั้นเกมเปิดแลกกันอย่างสนุกแต่เป็นสเปอร์สที่ขึ้นนำอีกครั้งในนาที 69 บอลจ่ายทะลุช่องไปทางขวาลูคัส มูร่าสปีดขึ้นไปหาบอลก่อนตวัดเปิดเร็วให้ซน-ฮึง-มินชาร์จสบายๆเข้าประตูเป็น 2-1 ทว่าทีมเยือนกลับไม่ยอมง่ายนาที 79 เจมส์ วอร์ด-เพร้าบรรจงเปิดบอลจากกราบขวาให้โมฮัมเหม็ด เอลยูนุสซี่โขกเปลี่ยนตุงตาข่ายเป็น 2-2 และอีกสองนาทีต่อมาเซาแธมป์ตันก็มาได้ประตูชัย เจมส์ วอร์ด-เพร้าคนเดิมเปิดโค้งจากทางขวาแต่รอบนี้เป็นเจ อดัมส์สะบัดโหม่งที่เสาไกลผ่านมือฮูโก้ โยริสเข้าไปเป็นประตู หมดเวลาการแข่งขันเซาแธมป์ตันจึงบุกไปชนะสเปอร์สอย่างสุดมันส์ 3-2