ถึงแม้โปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลอังกฤษจะดำเนินไปอย่างขรุขระแต่ทว่าหลายๆเกมที่ลงเตะกันก็ยังคงเข้มข้น เมื่อจ่าฝูงแมนซิตี้เกือบไม่มีแต้มจากการบุกไปเยือนอาร์เซนอล รวมไปถึงเกมดวลกันระหว่างคริสตัลพาเลซและเวสต์แฮมที่ยิงประตูรวมกันถึง 5 เม็ด
อาร์เซนอล 1 : 2 แมนเชสเตอร์ซิตี้
เริ่มเกมได้เพียง 10 นาทีทีมเยือนเกือบเสียจุดโทษเมื่อแอเดอร์สันผู้รักษาประตูแซมบ้าไปสกัดมาร์ติน โอเดการ์ดล้มลงในเขตโทษแต่วีเออาร์ฟ้องว่าไม่ฟาวส์ อย่างไรก็ตามนาที 30 อาร์เซนอลก็เป็นฝ่ายนำก่อนคีแรน เทียร์นี่ย์ปาดบอลเร็วไปในเขตโทษบูกาโย ซาก้าตวัดยิงเร็วเสียบมุมประตู นาที 38 ปืนใหญ่น่าได้เพิ่มเมื่อมาติเนลลลี่ลากบอลมาหน้ากรอบเขตโทษทางซ้ายแบบไม่มีตัวประกบแต่ทว่าดาวยิงแซมบ้ากลับปั่นบอลหลุดกรอบไปเอง อีก 4 นาทีต่อมาติเนลลี่โชว์ลีลาลากบอลหนีรูเบน ดิอาซและเจา กานเซโล่จนหลงจังหวะไปก่อนตวัดยิงเร็วบอลผ่านมือแอเดอร์สันไปแล้วแต่ก็หลุดออกเสาไกลไปอย่างน่าเสียดาย เริ่มครึ่งหลังได้เพียง 7 นาทีอาร์เซนอลมาเสียจุดโทษเมื่อกรานิต ชาก้าไปแหย่เท้าขัดขาแบร์นาโด้ ซิลวาในเขตโทษ คราวนี้วีเออาร์ฟ้องเป็นจุดโทษ และเป็นริยาร์ด มาเรสที่สังหารเข้าไปไม่พลาดซิตี้ไล่ตีเสมอเป็น 1-1 หลังเสียประตูได้ไม่นานอาร์เซนอลก็ต้องเหลือผู้เล่น 10 คนเมื่อกาเบรียล มากินญอสไปขวางกาเบรียล เฆซุสที่กำลังหลุดเดี่ยวจนได้รับใบเหลืองที่สองกลายเป็นใบแดง ช่วงเวลาที่เหลือเจ้าบ้านแม้จะพยายามเปิดเกมสู้แต่ก็ยิงเพิ่มไม่ได้แถมยังมาโดนทีเด็ดของซิตี้ในช่วงท้าย นาที 90 3 เควิน เด บรอยด์ตักบอลโด่งไปลุ้นในเขตโทษ ร็อบ โฮลดิ้งกองหลังปืนใหญ่โหม่งสกัดไม่ดีกลายเป็นเข้าทางโรดี้แหย่เท้าจิ้มบอลเข้าไปตุงตาข่าย จบเกมส์แมนซิตี้จึงพลิกกลับมาชนะอาร์เซนอล 2-1
เชลซี 2 : 2 ลิเวอร์พูล
นาทีที่ 8 ดีเอโก้ โชต้าผ่ายบอลไปหน้าประตูเทรโวห์ ชาร์โลบากองหลังเชลซีสกัดบอลไม่ดีทำให้มาเน่ฉกบอลเข้าไปล็อคหลบผู้รักษาประตูเมนดี้และยิงเข้าไปให้ลิเวอร์พูลออกนำ 1-0 นาที 25 เทรนด์-อาร์โนลตักบอลไปหน้ากรอบเขตโทษฝั่งขวาโม ซาล่าสอดขึ้นมาเก็บบอลก่อนลากจี้เข้าไปยิงมุมแคบเข้าประตูไปเป็น 2-0 อย่างไรก็ตามเกมกลับมาเข้มข้นในช่วงท้ายครึ่งแรกจากลูกฟรีคิ๊กฝั่งขวาของเชลซี มาร์กาส อลอนโซ่เปิดยัดมากลางประตูคีวีน เคเลเฮอร์นายประตูหงส์แดงปัดออกมาหน้ากรอบเขตโทษมัตเตโอ โควาซิสตวัดยิงสวนเสียบเสาเข้าไปให้เจ้าบ้านไล่มาเป็น 1-2 ก่อนที่นาที 45 รูดิเกอร์เติมขึ้นมาแย่งบอลที่กลางสนามก่อนที่กองเต้จะตวัดต่อเร็วให้คริสเตียน พูลิซิสหลุดเดี่ยวเข้าไปยิงสวนเคเลเฮอร์เข้าประตูไปเป็น 2-2 ครึ่งหลังนาที 56 โชต้าสะกิดต่อให้ซาล่าหลุดเดี่ยวก่อนที่ดาวยิงอียิปต์จะเหลือบเห็นว่าเอดูอาร์ เมนดี้ยืนห่างจากเสาประตูจึงตัดสินใจยิงลักไก่บอลทำท่าจะย้อยเสียบคานอยู่แล้วแต่ทว่าเมนดี้ยังเอื้อมปัดบอลทิ้งไปได้อย่างน่าหวาดเสียว อีก 3 นาทีถัดมาเชลซีได้เสียวบ้างเมื่อมาร์กาส อลอนโซ่เปิดบอลจากฝั่งซ้ายให้พูลิซิสได้ตวัดยิงแบบเผาขนแต่รอบนี้คีวีน เคเลเฮอร์ช่วยเซฟไว้ได้ ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีฝ่ายใดยิงเพิ่มทำให้หมดเวลาการแข่งขันเชลซีจึงเสมอลิเวอร์พูลไป 2-2
คริสตัลพาเลซ 2 : 3 เวสต์แฮม
เล่นมาได้ 13 นาทีทีมเยือนได้เสียวเมื่อมิคาอิล อันโตนิโอได้สับไกยิงเผาขนติดบล็อกองหลังพาเลซแต่บอลก็ยังเข้าหัวซาอิด เบนราม่าแต่ทว่าบิเซนเต้ กวยต้าก็ยังเซฟไว้ได้อย่างเหลือเชื่อ นาที 21 เวสต์แฮมออกนำเมื่อเบนราม่าเปิดบอลจากฝั่งซ้ายให้อันโตนิโอสอดมาจิ้มที่เสาไกลเข้าไปเป็น 1-0 สกอร์ไหลเป็น 2-0 ในอีกสามนาทีต่อมาเมื่อดีแคน ไรซ์ไหลบอลให้มานูเอล รันซินี่ลากหนีคู่แข่งก่อนตะบันแสกหน้าผู้รักษาประตูเข้าไปตุงตาข่าย ช่วงทดเวลาครึ่งแรกคริสตัลพาเลซมาเสียจุดโทษเมื่อลูก้า มิลิโวเยวิชไปทำแฮนด์บอลหน้าปากประตูตัวเอง เป็นรันซินี่ที่สังหารจุดโทษให้ขุนค้อนนำห่างถึง 3-0 เกมทำท่าจะไม่มีอะไรกระทั่งนาที 82 ปราสาทเรือนแก้วก็ยิงตีไข่แตกได้สำเร็จเมื่อบอลเปิดจากฝั่งขวาออสซัม เอดูอาร์สอดมาจิ้มบอลเปลี่ยนทางเข้าประตูไป ก่อนที่นาที 89 พาเลซได้ลูกตั้งแต่ทางขวาโอลิเซ่ร์เปิดบอลวัดใจไปหน้าประตูแม้จะไม่มีผู้เล่นคนไหนเข้าถึงบอลแต่ลูกบอลก็มุดเข้าเสียบมุมเสาไกลให้เจ้าบ้านไล่มาเป็น 2-3 ช่วงทดเวลานาที 90 3 พาเลซเกือบตีเสมอได้เมื่อเจฟฟรี่ย์ ชลุปป์ตักบอลโด่งไปหน้าประตูฌอง-มาเตย์ต้าลอยตัวจักรยานอากาศบอลพุ่งทะยานหลุดเสาซ้ายมือไปอย่างมีลุ้น ทว่าสุดท้ายก็ไล่ไม่ทันคริสตัลพาเลซจึงพ่ายเวสต์แฮมไปอย่างสนุก 2-3