แม้การระบาดของโควิด-19 จะกระทบกับการแข่งขันพรีเมียร์อยู่พอสมควร แต่หลายเกมก็ยังลงเตะกันได้ตามปกติ วันนี้จึงจะพาเพื่อนๆรับรู้ผลการแข่งขันของพรีเมียร์ลีกนัดที่ 19 ที่ผ่านมา
นอริสซิตี้ 0 : 5 อาร์เซนอล
เริ่มเกมได้เพียง 5 นาทีทีมเยือก็ขึ้นนำเมื่อมาร์ติน โอเดการ์ดป้ายบอลต่อให้บูกาโย่ ซาก้าที่มุมเขตโทษฝั่งขวา ก่อนที่ซาก้าจะโยกหาจังหวะยิงเรียดเข้าเสาไกลเป็น 1-0 เกมยังคงเป็นของอาร์เซนอลกระทั่งนาที 43 สกอร์ก็ไหลเป็น 2-0 โอเดการ์ดแทงทะลุช่องให้คีแรน เทียร์นี่ย์เติมขึ้นยิงเสียบเข้าเสาไกล นาที 60 อาร์เซนอลน่าได้เพิ่มเมื่อกาเบรียล มาติเนลลี่ลากตัดเข้าในจากฝั่งซ้ายก่อนยิงย้อยเข้าเสาไกลไปอย่างเหนือชั้นแต่ทว่าวีเออาร์ตัดสินให้เป็นลูกล้ำหน้าไปก่อน อย่างไรก็ตามนาที 66 ซาก้าก็ลากหนีผู้เล่นนอริสที่หน้าเขตโทษฝั่งขวาก่อนตัดเข้าไปตะบันเสียบเสาไกลให้อาร์เซนอลนำห่าง 3-0 นาที 82 โอซาน คาบัคกองหน้าเจ้าบ้านไปแซะลากาแซตต์ล้มในเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าให้เป็นจุดโทษแล้วลากาแซตต์ก็ลุกมายิงเข้าไปเป็น 4-0 ช่วงทดเวลาบาดเจ็บนิโกล่า เปเป้ผ่านบอลให้เอมิล สมิธ-โลร์เติมมายิงปิดกล่องให้อาร์เซนอลบุกมาชนะนอริสไปขาดลอย 5-0
แอสตันวิลล่า 1 : 3 เชลซี
นาทีที่ 10 บอลแทงทะลุช่องให้โอลลี่ วัตกินส์หลุดเดี่ยวขึ้นมาทางซ้ายแต่จังหวะจ่ายตัดเข้าในกองหลังเชลซียังตามสกัดทิ้งไว้ได้ นาที 23 เชลซีได้ลุ้นบ้างเมื่อเมสัน เม้าส์ยิงลักไก่จากนอกกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายบอลทำท่าจะมุดเสียบเสาไกลอยู่แล้วแต่เอมิเลียโน่ มาติเนซนายด่านวิลล่าก็ยังลอยปัดทิ้งออกหลังไปได้ นาที 27 เจ้าถิ่นก็มาได้ประตูแบบโชคช่วยเมื่อแม็ตต์ ทาเก็ตต์เปิดบอลเร็วจากฝั่งซ้ายแต่บอลไปแฉลบหัวรีส เจมส์เปลี่ยนทางข้าประตูไปเป็น 1-0 แต่อีก 4 นาทีต่อเชลซีก็มาจุดโทษเมื่อแม็ตตี้ แคชไปสกัดด้านหลังใส่คัลลัม ฮัดสัน โอดอยในเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษและจอร์จินโญ่ก็ยิงตีเสมอเป็น 1-1 นาที 52 เชลซีเกือบได้เพิ่มเมื่อบอลเปิดจากฝั่งขวาลูกากูโฉบเข้าหาบอลพลาดแต่กลายเป็นบอลไปเข้าหัวแม็ตตี้ แคชที่ปรี่เข้ามาตามสกัดยังดีที่บอลยังไปตรงตัวมาติเนซ อย่างไรก็ตามอีก 3 นาทีต่อมาเชลซีก็พลิกแซงได้อยู่ดีเมื่อฮัดสัน โอดอยเปิดบอลจากฝั่งซ้ายให้ลูกากูโผขวิดเปลี่ยนทางเข้าประตูไปเป็น 2-1 ช่วงทดเวลาบาดเจ็บวิลล่ามาโดนทีเด็ดจากเกมสวนกลับของเชลซีเมื่อลูกากูให้ความแข็งแกร่งเบียดชนะผู้เล่นวิลล่าจนหลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษเอซรี่ คอนซ่าไม่มีทางเลือกจำต้องเตะลูกากูคว่ำไป เชลซีจึงได้ลูกจุดโทษครั้งที่สอง แล้วก็เป็นจอร์จินโญ่ยิงปิดกล่องให้เชลซีชนะไปในท้ายที่สุด 3-1
เเมนเชสเตอร์ซิตี้ 6 : 3 เลสเตอร์ซิตี้
เล่นมาได้ 4 นาทีแมนซิตี้ก็ออกนำเมื่อเควิน เดอ บรอยด์หลุดเข้าไปเก็บบอลในกรอบเขตโทษก่อนพลิกยิงเร็วเสียบตาข่ายเป็น 1-0 นาทีที่ 10 จากจังวะเล่นลูกเตะมุมติรามองต์ไปคว้าเอเมริค ลาร์ปอเต้ล้มคว่ำในเขตโทษ วีเอร์อาตัดสินเป็นลูกจุดโทษริยาร์ด มาเรซยิงรับอาสายิงจุดโทษเข้าไปเป็น 2-0 นาที 20 เจา กานเซโล่ผ่านบอลเข้ากลางแคสเปอร์ ชไมเคิลนายทวารจิ้งจองออกมาปัดไม่พ้นอันตรายอินคาย กุยโดกันได้ซ้ำเผาขนเข้าไปเป็น 3-0 เล่นต่อมาเพียงสามนาทีซิตี้ก็มาได้ลูกจุดโทษอีกครั้งจากจังหวะติรามองต์คนเดิมไปเกี่ยวเท้าสเตอริ่งหน้ากรอบเขตโทษ ซึ่งรอบนี้เป็นสเตอริ่งที่ของยิงเองไม่พลาดสกอร์ไหลไปที่ 4-0 อย่างไรก็ตามครึ่งหลังเลสเตอร์ทำให้เกมกลับมาลุ้นสนุกอีกครั้งเมื่อเลสเตอร์มายิงคืนถึงสามประตูรวดจากผลงานของเจมส์ แมดดิสันในนาที 55 อเดโบล่า ลุคแมนนาที 58 และอิคเฮนาโช่นาที 65 ทว่าเพียงสองนาทีให้หลังเจ้าบ้านก็ทำประตูหนีห่างออกไปเป็น 5-3 จากการโหม่งลูกเตะมุมของเอเมริค ลาร์ปอเต้ นาที 86 เจ้าถิ่นมาได้ประตูปิดเกมเมื่อรูเบน ดิอาซโขกชงลูกเตะมุมให้สเตอริ่งยิงง่ายๆเข้าไปตุงตาข่าย หมดเวลาการแข่งขันแมนเชสเตอร์ซิตี้จึงเอาชนะเลสเตอร์ไปอย่างสุดมันส์ 6-3