ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2459 สมาคมฟุตบอลแห่งชาติสยาม ได้ถือกำเนิดขึ้นโดย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 และทรงรับเข้ามาอยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ตั้งแต่เริ่มแรก ก่อนจะเข้าร่วมเป็นสมาชิกของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468
และจากการที่รัฐบาล จอมพล ป. พิบูลสงคราม ประกาศเปลี่ยนชื่อประเทศ จากสยามมาเป็นประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2482 จึงได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
โดยสมาคมฯ ได้ส่งนักกีฬาฟุตบอลทีมชาติไทย ลงแข่งขันในระดับนานาชาติ รายการใหญ่เป็นครั้งแรก ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกส์ ที่เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย พ.ศ. 2499 ก่อนจะเป็นสมาชิกของสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (เอเอฟซี) ในปี พ.ศ. 2500 และเป็นสมาชิกก่อตั้งของสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน (เอเอฟเอฟ) ในปี พ.ศ. 2527
จนถึงปัจจุบัน สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทันต่อสากล ไม่ว่าจะเป็น การแบ่งระดับลีกอาชีพออกเป็น 4 ดิวิชั่น, การยกระดับมาตรฐานสโมสรด้วยคลับ ไลเซนซิง, การนำวีดิทัศน์ช่วยในการตัดสิน (VAR – Video Assistant Referee) มาใช้นำร่องเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เช่นเดียวกับ การสร้างที่ทำการสมาคมฯ และศูนย์ฝึกฟุตบอล ที่ใช้เป็นสถานที่เก็บตัวนักกีฬา ตลอดจนกิจกรรมฟุตบอลในระดับรากหญ้า, การเชิดชูเกียรติบุคลากรในวงการฟุตบอลไทย ด้วยการจัดงานมอบรางวัล FA Thailand Awards เพื่อประกาศเกียรติคุณสู่สาธารณชน, การพัฒนาผู้ฝึกสอน รวมถึงบุคลากรให้ได้รับการอบรม และทำหน้าที่ในระดับนานาชาติอย่างต่อเนื่อง, การพยายามนำวิทยาศาสตร์การกีฬา โภชนาการ และข้อมูลสถิติมาใช้ในการพัฒนานักกีฬา ฯลฯ
ซึ่งทั้งหมดนี้ อยู่ภายใต้แผนแม่บทพัฒนาฟุตบอลแห่งชาติระยะยาว 20 ปี ที่สมาคมฯ จัดทำขึ้น เพื่อให้มีรูปแบบการพัฒนา แนวทาง เป้าหมายที่ชัดเจน ด้วยความมุ่งหวังที่จะให้ฟุตบอลไทย ก้าวไปอย่างยั่งยืนในอนาคต
