บริษัท ไทยลีก จำกัด ได้ออกมาชี้แจงถึงการทำงานของระบบการใช้วีดิโอช่วยตัดสิน (VAR) ที่นำมาใช้ในรายการฟุตบอล โตโยต้า ไทยลีก หลังช่วงที่ผ่านมาเกิดปัญหาในการใช้งานหลายครั้ง
สำหรับรูปแบบการใช้ VAR ของไทยลีกนั้น เป็นการส่งสัญญาณจากกล้องโทรทัศน์ และกล้องที่ใช้สำหรับ VAR โดยเฉพาะของทุกสนาม เข้าสู่ตึกที่ทำการไทยลีกแบบเรียลไทม์ และใช้อุปกรณ์รวมถึงระบบ เหมือนกับพรีเมียร์ลีกอังกฤษ จึงจำเป็นต้องพึ่งพาปัจจัยภายนอก เช่น ความเสถียรจากสายสัญญาณ ของผู้ให้บริการเคเบิ้ลใยแก้วนำแสง ส่งเข้ามายังห้อง VAR ซึ่งหากเป็นในช่วงที่สภาพอากาศแปรปรวน หรือมีพายุ อาจเกิดการสะดุดของสัญญาณได้ และหากการป้องกันระบบไฟฟ้าเกิดขัดข้องทาง ไทยลีก ได้มีการติดตั้งระบบสำรองไฟ ที่สามารถดำเนินการได้อีก 120 นาที หากว่าเกิดไฟฟ้าดับที่อาคาร
โดยระบบ VAR ที่ใช้ในไทยลีก คืออุปกรณ์จาก Hawk-Eye ซึ่งเป็นระบบเดียวกับที่สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) ใช้ในฟุตบอลโลก และรายการแข่งขันของสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (AFC) ทั้งนี้ ยังมีจุดที่แตกต่างจาก FIFA และ AFC ในเรื่องของจำนวนกล้องในสนาม, ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ของเจ้าหน้าที่ทางเทคนิค เนื่องจากเป็นปีแรก ที่มีการนำอุปกรณ์ดังกล่าวมาใช้ อย่างไรก็ดี ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และไทยลีก ได้มีการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการจาก FIFA อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ทุกฝ่ายได้มีการฝึกฝนในช่วงที่ไม่มีการแข่งขัน
ซึ่งที่ผ่านมา FIFA ก็ได้พบการขัดข้องจากการแข่งขันหลายๆ นัดจากทั่วโลก และทุกๆ เหตุการณ์ที่ใช้ VAR ในไทยลีก จะถูกบันทึกเทป และส่งให้ FIFA ตรวจสอบคุณภาพทุกครั้งเมื่อจบการแข่งขัน ขณะเดียวกัน ในส่วนของเหตุขัดข้องต่างๆ ทางไทยลีกได้มีการเก็บข้อมูล และนำมาแก้ไขตลอดเวลา เพื่อให้การใช้งานสมบูรณ์ที่สุด
สำหรับการปฏิบัติการในห้อง VAR ของประเทศไทยตอนนี้ ในส่วนของผู้ให้บริการ VAR แก่ไทยลีก จำเป็นต้องผ่านการสอบและได้รับใบอนุญาตจาก FIFA ซึ่งผู้ที่มีใบอนุญาตให้ทำหน้าที่ยังมีจำกัด และยังอยู่ในช่วงขยายจำนวนผู้ได้รับใบอนุญาต ซึ่งหากเกิดการขัดข้องด้านเทคนิค จำเป็นต้องแจ้งต่อผู้ให้บริการ ซึ่งก็คือ Hawk-Eye ให้มีการตรวจสอบและชี้แจงโดยตรง โดยใช้เวลาประมาณ 3 วันทำการ ขณะที่ไทยลีกและบุคลากรของสมาคมฯ เช่น ผู้ตัดสิน จะทำหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกติกาฟุตบอล
ซึ่งตามหลักการของ Laws of the Game แล้ว VAR เป็นเทคโนโลยีเพื่อช่วยในการตัดสินเท่านั้น ดังนั้น ตามหลักการแล้ว ผู้ตัดสินต้องตัดสินเหตุการณ์ไปตามกติกาไปก่อนทุกครั้ง โดยไม่ต้องรอห้อง VAR
ขณะเดียวกัน VAR ไม่ใช่อุปกรณ์ที่เป็นปัจจัยในการพิจารณาว่า จะสามารถทำการแข่งขันต่อได้หรือไม่ ด้วยเหตุนี้ จะไม่มีการหยุดแข่ง, ยกเลิก หรือแข่งขันต่อไม่ได้ ในกรณีที่ VAR มีการขัดข้อง โดยไทยลีกจะตรวจสอบหาข้อมูลจากผู้ให้บริการทุกครั้ง เพื่อชี้แจงให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้ทราบถึงสาเหตุต่อไป