ไทยลีก ทำการคัดเลือกนักเตะเอเชีย ที่เคยมาสร้างชื่อในเมืองไทย ที่ดีที่สุดจำนวน 10 คน นับตั้งแต่ไทยลีก เริ่มต้นลีกอาชีพอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2009
ในศึก โตโยต้าไทยลีก มักมีนักเตะต่างชาติทั่วทุกมุมโลกเข้ามาค้าแข้ง ไม่ว่าจะเป็นจากยุโรป อเมริกาใต้ แอฟริกา และเอเชีย ซึ่งนักเตะเอเชียถือเป็นจิ๊กซอว์สำคัญเลยทีเดียว
เพราะแต่ละทีมจะสามารถส่งชื่อนักเตะต่างชาติในทีมได้ไม่เกิน 7 คน (5 คนในปัจจุบัน)และลงสนามได้แต่ละแมตช์ในโควต้า 3 1 หรือ 3 1 1 ในปัจจุบัน
ซึ่งบวกหนึ่งก็คือนักเตะเอเชีย ดังนั้นหากทีมไหนมีนักเตะเอเชียระดับคุณภาพก็จะทำให้ได้เปรียบคู่แข่งพอสมควร
บางคนไร้ดีกรี แต่ฝีเท้าจัดจ้านจนถูกยกเป็นยอดนักเตะ บางคนเข้ามาปีเดียว และก็สร้างตำนาน จนแฟนบอลต้องร่ำไห้ในวันจากลา และบางคนยังอยู่ยงคงกระพันในไทยลีกยาวนานจนถึงวันนี้
อันดับ 10 : ซารุตะ ฮิโรโนริ (ญี่ปุ่น)
แข้งไซส์จิ๋ว แต่ลีลาดุเด็ดเผ็ดมัน ย้ายจาก บาเลสเตียร์ ทีมในศึกเอสลีกของสิงคโปร์ เข้ามาค้าแข้งในเมืองไทยช่วงปี 2009 หนึ่งในนักเตะต่างชาติที่เข้ามาค้าแข้งในเมืองไทยอย่างยาวนาน จนหัวใจแทบจะเป็นไทยอยู่แล้ว
ซารุตะ ฮิโรโนริ ย้ายมาจาก บาเลสเตียร์ ทีมในศึกเอส-ลีก สิงคโปร์ มาเล่นให้กับ ศรีราชา ซูซูกิ เอฟซี ในปี 2009 แม้ว่าต้นสังกัดจะตกชั้น
แต่ฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมของเขาก็ทำให้ บางกอกกล๊าส เอฟซี คว้าตัวไปร่วมทีมก่อนที่จะกลายเป็นหนึ่งในนักเตะระดับตำนานของ “กระต่ายแก้ว” หลังจากฝากผลงานไว้ให้กับทีมได้อย่างดี
ก่อนที่จะย้ายไปอยู่กับ การท่าเรือ และ เชียงราย ยูไนเต็ด ล่าสุดก็เล่นให้กับ อุดรธานี เอฟซี ในฤดูกาลที่ผ่านมา
ตลอดระยะเวลา 9 ปี บนแผ่นดินไทย ซารุตะ ลงสนามบนลีกสูงสุดไปมากกว่าสองร้อยนัด พร้อมกับยิงไป 38 ประตู ถือเป็นนักเตะต่างชาติที่ยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่ง นั้นก็ทำให้เขาเข้ามาเป็น 1ใน10 ของการจัดอันดับในครั้งนี้
อันดับ 9 : คาตาโนะ ฮิโรมิจิ (ญี่ปุ่น)
คาตาโนะ ฮิโรมิจิ หนึ่งในนักเตะต่างชาติที่ลงสนามในศึกไทยลีกหลักร้อยนัด หลังจากค้าแข้งในเมืองไทยนานถึง 6 ฤดูกาลกับโอสถสภาฯ และ สุโขทัย
ปราการหลังใหม่ป้ายแดง “ช้างขาวจ้าวเกาะ” ตราด เอฟซี ในศึกเอ็ม-150 แชมเปี้ยนชิพ (T2) ย้ายมาค้าแข้งในเมืองไทยตั้งแต่ปี 2011
โดยเล่นให้กับ “พลังเอ็ม” โอสถสภาฯ ที่ลงสนามรับใช้สโมสรมากกว่าร้อยนัดตลอดระยะเวลา 4 ปี จนกลายเป็นหนึ่งในนักเตะตำนานของโอสถสภาฯ
ก่อนย้ายไปค้ากับ ฮ่องกง เรนเจอร์ ในฟุตบอลลีกฮ่องกง และกลับมาเมืองไทยอีกครั้งในปี 2016 ที่มาเล่นให้กับ สุโขทัย เอฟซี พร้อมกับมีส่วนสำคัญพาทีมอยู่รอดบนลีกสูงสุด
ถือเป็นอีกหนึ่งนักเตะจากประเทศญี่ปุ่นที่ทำผลงานได้ดีที่สุดคนหนึ่งในฟุตบอลลีกไทย
อันดับ 8 : คาซูโตะ คูชิดะ (ญี่ปุ่น)
คาซูโตะ คูชิดะ ย้ายมาจาก ซางาวะ ปรินติ้ง ทีมระดับเจลีก 3 ในปี 2011 แค่เพียงปีแรกก็ทำผลงานจนกลายเป็นขวัญใจแฟนบอล “ฉลามชล” ในทันที
ห้องเครื่องซามูไรถือมิดฟิลด์ตัวรับที่เล่นด้วยมันสมอง การเข้าบอลอย่างชาญฉลาด จ่ายบอลง่าย เสียบอลยาก
ทำให้เขากลายเป็นหัวใจในแดนกลางให้กับ ชลบุรี เอฟซี โดยตลอด 4 ปีที่อยู่กับทีมลงสนามไปมากกว่า 100 นัด ก่อนที่จะได้รับบาดเจ็บหนักและย้ายไปอยู่กับ ชัยนาท ฮอร์นบิล
ที่ประเทศญี่ปุ่น คาซูโตะ คูชิดะ อาจเป็นแค่นักเตะธรรมดาคนหนึ่ง แต่สำหรับเมืองไทย นี่คือมิดฟิลด์ตัวรับที่ดีที่สุดคนหนึ่งของฟุตบอลไทยลีก
อันดับ 7 : โช ชิโมจิ (ญี่ปุ่น)
โช ชิโมจิ อีกหนึ่งนักเตะนำเข้าจากแดนอาทิตย์อุทัยที่ได้รับการยอมรับว่ามีฝีเท้าอยู่ในแถวหน้าของนักเตะต่างชาติที่เข้ามาค้าแข้งในเมืองไทย
เจ้าตัวถือกุญแจสำคัญของ “มังกรไฟ” บีอีซี เทโรศาสน ในฤดูกาล 2014 ที่ผงาดคว้าแชมป์โตโยต้าลีกคัพ รวมไปถึงจบอันดับ 3 ของลีก โดย “ชิโม่” ยิงไป 17 ประตูในลีกให้กับ “มังกรไฟ” ในปีดังกล่าว
พร้อมกับเป็นดาวซัลโวของสโมสรในฤดูกาลนั้น
“ชิโม่” ถือเป็นนักเตะที่เล่นได้ครบเครื่องมีความหลากหลายในการเล่นงานเกมรับคู่ต่อสู้ ก่อนย้ายไปอยู่กับ เพื่อนตำรวจในฤดูกาล 2015
ก่อนที่จะย้ายไปเล่นให้กับ ชัยนาท ฮอร์นบิล ในปี 2016 และในฤดูกาลล่าสุดก็พา อุดรธานี เอฟซี เลื่อนชั้นจาก T3 มาสู่ T2
อันดับ 6 : แมตต์ สมิธ (ออสเตรเลีย)
แมตต์ สมิธ สุดยอดปราการหลังของ “กระต่ายแก้ว” บางกอกกล๊าส เอฟซี หนึ่งเดียวจากออสเตรเลียที่เข้ามาติดในลิสต์นี้
อดีตกองหลังบริสเบน โรร์ ในเอลีก ที่เร่ิมต้นค้าแข้งอาชีพในวัย 27 ปี ย้ายมาร่วมทีม บางกอกกล๊าส เอฟซี ในปี 2015 เขากลายเป็นหัวใจสำคัญในเกมรับของทีมทันที
เรียกได้ว่าเกมไหนไม่มีเขา บางกอกกล๊าส ก็มักจะเจอปัญหาในการป้องกัน
มิสเตอร์สมิธ ลงเล่นให้กับ บางกอกกล๊าส ไปเกินหนึ่งร้อยนัดแล้ว แต่หากนับเฉพาะเกมลีก เขาลงเล่นไปแล้ว 94 เกม
อันดับ 5 : เจย์ซี จอห์น (บาห์เรน)
โจโจ้” เจย์ซี จอห์น หนึ่งเดียวจากตะวันออกกลางที่เข้ามาติดในลิสต์นี้ แม้ความจริงเขาเป็นนักเตะเชื้อสายไนจีเรียน แต่การที่เขาเลือกรับใช้ทีมชาติบาห์เรน ก็ทำให้เขาเข้ามาติดในทำเนียบนี้ด้วย
โจโจ้” ดาวยิงใหม่ป้ายแดงของ “อินทรีทัพฟ้า” แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล เอฟซี ค้าแข้งในเมืองไทยมาแล้ว 3 ปี โดย เล่นให้กับ “แข้งเทพ” แบงค็อก ยูไนเต็ด ตั้งแต่เลก 2 ของปี 2015
เขาเป็นกองหน้าที่มีความแข็งแกร่งไปกับบอลได้ดี โดย “โจโจ้” ยิงไปแล้ว 33 ประตูในไทยลีก และการย้ายมาผนึกกำลังกับ “โค้ชเตี้ย” ที่แอร์ฟอร์ซฯ ก็ทำให้เขากลายเป็นอีกหนึ่งอาวุธ ที่น่ากลัวในฤดูกาลที่จะถึงนี้
อันดับ 4 : นาโออากิ อาโอยามะ (ญี่ปุ่น)
อาโอยามะ เซนเตอร์ฮาล์ฟชาวญี่ปุ่น อีกหนึ่งสุดยอดกองหลังจากแดนอาทิตย์อุทัย ที่มีส่วนสำคัญพาเมืองทองฯ คว้าแชมป์ไทยลีก 2016
ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชนก่อนมาค้าแข้งที่เมืองไทย ไม่ว่าจะเป็น ชิมิสุ เอส พัลส์, โยโกฮามา เอฟ มารินอส และเวนท์โฟเรต์ โคฟุ
รวมไปถึงเคยติดทีมชาติญี่ปุ่นชุดอายุไม่เกิน 23 ปี โดยย้ายมาอยู่กับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ตั้งแต่ปี 2015 การอ่านเกมที่เฉียบขาด
และการเข้าบอลที่หนักหน่วงแบบแม่นยำ ก็ทำให้เขากลายเป็นหัวใจในเกมรับของ “กิเลนผยอง”
ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่อยู่กับทีม เขาคว้าแชมป์ไทยลีก 1สมัย(2016) และ ลีกคัพ อีก 2 สมัย (2016, 2017)
อันดับ 3 : ฆาเบียร์ ปาตินโญ (ฟิลิปปินส์)
ฆาเบียร์ ปาตินโญ นักเตะลูกครึ่งฟิลิปิโน่-สแปนิช 1 เดียวจากชาติในภูมิภาคอาเซียนที่เข้ามาอยู่ในการจัดอันดับครั้งนี้
สำหรับกองหน้าทีมชาติฟิลิปปินส์ ย้ายมาอยู่กับ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 2013 โดยยิงไป 14 ประตูในฤดูกาลแรกพร้อมกับกลายเป็นกำลังหลักของทีมในทันที
ก่อนที่ฤดูกาลต่อมาเขาระเบิดฟอร์มยิงไป 21 ประตู พาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดเป็นสมัยที่สองติดต่อกัน
ฟอร์มอันยอดเยี่ยมของเขาในเวลานั้นก็ทำให้ เหอหนาน เจียนยี่ ทีมในศึกไซนิส ซูเปอร์ลีก คว้าตัวไปร่วมทีมในราคา 1.2 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 40 ล้านบาทในเวลานั้น)
ถือเป็นรายได้ที่งดงามของ “ปราสาทสายฟ้า” จากการปล่อยตัวดาวยิงรายนี้ออกจากทีม
อันดับ 2 : ไดกิ อิวามาสะ (ญี่ปุ่น)
ไดกิ อิวามาสะ ในวัย 32 ปี นักเตะระดับตำนานของ คาชิม่า อันท์เลอร์ส เข้ามาค้าแข้งในเมืองไทย แม้จะเป็นแค่ระยะเวลา 1 ฤดูกาล แต่ช่วงสั้นๆเพียงแค่นั้น เราก็ได้เห็นความสุดยอดของปราการหลังคนนี้มากพอแล้ว
ไดกิ ย้ายมามาอยู่กับ บีอีซี เทโรศาสน หรือ โปลิศ เทโร เอฟซี ในปัจจุบัน ในฤดูกาล 2014 ท่ามกลางข้อครหาว่าเขาหมดไฟ แต่เลือดบูชิโดที่มีอยู่เต็มอกของ ไดกิซัง พิสูจน์ว่าคำพูดเหล่านั้นผิดมหันต์
การมาของอดีตกองหลังทีมชาติญี่ปุ่นคนนี้ทำให้แผงหลังของ บีอีซี เทโร แข็งแกร่งขึ้นทันตาเห็น พร้อมกับทำผลงานพาทีมจบอันดับ 3 ในไทยลีก และคว้าแชมป์โตโยต้าลีกคัพในปีดังกล่าว
ซึ่งเป็นแชมป์แรกในรอบ 12 ปีของสโมสรอีกด้วย นอกจากการป้องกันประตูแล้ว เขายังมีจุดเด่นในการสอดขึ้นมาทำประตู
ซึ่งในฤดูกาลดังกล่าว เขามีชื่อทำประตูในไทยลีกไป 5 ลูก แถมเป็นการทำประตูใส่ทีมใหญ่ๆ ทั้งนั้น ทั้งบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ ชลบุรี เอฟซี
นี่ เป็นหนึ่งในนักเตะต่างชาติที่แฟนบอลมังกรไฟเสียใจที่สุดในวันที่เขาจากลาทีมไป
อันดับ 1 : โก ซุล กิ (เกาหลีใต้)
โก ซุล กิ ย้ายมา “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในปี 2015 แค่เพียงปีแรกก็มี่ส่วนในการพาต้นสังกัดคว้า 5 แชมป์ในฤดูกาลเดียว เขาอาจจะไม่ใช่นักเตะที่เล่นได้หวือหวา
แต่การเล่นแบบง่ายๆของเขาช่วยให้เกมแดนกลาง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นการตัดเกม จ่ายบอล เขาทำได้ดีอย่างไม่มีที่ติ แถมยังมีจุดเด่นจากการยิงแถวสองอีกด้วย
การถูกปล่อยตัวให้กับ อินชอน ยูไนเต็ด ยืมตัวในฤดูกาลนี้ ก็เล่นเอาแฟนบอล “ปราสาทสายฟ้า” เสียดายไม่น้อย
แชมป์ไทยลีก 2 สมัย (2015,2017), แชมป์ โตโยต้าลีกคัพ 2 สมัย(2015,2016),แชมป์เอฟเอคัพ (2015), แชมป์ถ้วย ก. 2 สมัย(2015,2016) และแชมป์โตโยต้า แม่โขงคลับ แชมเปี้ยนชิพ 2 สมัย (2015,2016)
ความสำเร็จเหล่านี้ของ โก ซุล กิ คือเครื่องพิสูจน์ว่า นี่คือนักเตะเอเชียที่ดีที่สุด ที่เคยค้าแข้งไทยลีก
ขอบคุณข้อมูล : ไทยลีก