ไทยรัฐทีวี คว้าสิทธิ์ยิงสด “ช้างศึกชุดใหญ่-U23” ถึงธันวาคม 2568 ต่อยอดแคมเปญ ‘เชียร์ไทยให้กึกก้อง’ เพื่อคนไทยได้เชียร์ตลอด 2 ปี
สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ มอบสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอล ทีมชาติไทย ชุดใหญ่ และทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี แก่สถานีโทรทัศน์ ไทยรัฐทีวี 2 ปี จนถึงธันวาคม 2568 ต่อยอดแคมเปญ ‘เชียร์ไทยให้กึกก้อง’ เริ่มต้นความมันส์ทัวร์นาเมนต์แรก ในเกมอุ่นเครื่องฟีฟ่าเดย์เดือนตุลาคม ทีมชาติไทยชุดใหญ่ บุกเยือน จอร์เจีย และ เอสโตเนีย
วันที่ 26 กันยายน 2566 เวลา 11.00 น. ณ ห้อง Executive Meeting Room ชั้น 2 อาคาร HOUSE OF THAI FOOTBALL สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ พล.ต.อ. ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ พร้อมด้วย คุณวัชร วัชรพล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจ สถานีโทรทัศน์ไทยรัฐทีวี, คุณพาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมฯ และ มาโน โพลกิง หัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลชายทีมชาติไทย ร่วมงานแถลงข่าวมอบสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลทีมชาติไทย แก่สถานีโทรทัศน์ไทยรัฐทีวี จนถึงธันวาคม 2568
ไทยรัฐทีวี ให้ความสำคัญกับการเสิร์ฟคอนเทนท์ที่หลากหลายให้กับผู้ชมคนไทย ซึ่งรายการกีฬาถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่เราให้ความสำคัญมาโดยตลอด คัดสรรจาก สิ่งที่คนไทยอยากดู คนไทยสนใจ โดยเฉพาะการถ่ายทอดสดฟุตบอลทีมชาติไทยที่เป็นกีฬามหาชน ดูได้ทุกเพศ ทุกวัย และที่สำคัญ เป็นกีฬาระดับชาติที่คนไทยยังคงฝากความหวังและตั้งตาคอยส่งแรงเชียร์อยู่ตลอดมา ซึ่งไทยรัฐทีวีมองเห็นความสำคัญนี้ จึงมีนโยบายในการสนับสนุนลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดมาตลอด ตั้งแต่เปิดสถานี จนบัดนี้เข้าสู่ปีที่ 8 แล้ว
พล.ต.อ. ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ กล่าวว่า “ก่อนอื่นต้องขอบคุณคณะผู้บริหารไทยรัฐทีวี ที่ให้การสนับสนุนลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลทีมชาติไทย มาอย่างต่อเนื่อง 8 ปี และกำลังจะก้าวสู่ปีที่ 9 และ 10 ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งสำหรับแฟนบอลชาวไทย ที่จะได้ชมและเชียร์กีฬาฟุตบอลที่ถือว่าได้รับความนิยมจากคนไทยเป็นอันดับหนึ่ง ผ่านไทยรัฐทีวี ช่อง 32 และชมผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ของทางไทยรัฐ”
“ตลอด 8 ปี ที่ผ่านมา ไทยรัฐทีวี แสดงให้เห็นศักยภาพด้วยการนำเอาเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาเพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับชมอยู่ตลอดเวลา ทั้ง ชมสดๆ หรือ ดูย้อนหลัง และไฮไลท์การแข่งขัน อีกทั้งไทยรัฐเองยังมีแคมเปญ ‘เชียร์ไทยให้กึกก้อง’ และมีการประชาสัมพันธ์ความเคลื่อนไหวต่างๆ ครอบคลุมง่ายต่อการเข้าถึงของคนไทยทุกกลุ่ม ทั้ง สื่อทีวี สิ่งพิมพ์ ออนไลน์ และโซเชียลมีเดีย ซึ่งถือว่ามีความพร้อมอย่างยิ่งในการถ่ายทอดสดฟุตบอลทีมชาติไทย”
ด้าน คุณวัชร วัชรพล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจ บริษัท ทริปเปิล วี บรอดคาสท์ จำกัด (ไทยรัฐทีวี) และ บริษัท เทรนด์ วีจี3 จำกัด (ไทยรัฐออนไลน์) กล่าวถึงการได้รับสิทธิ์ในครั้งนี้ว่า
“ผมขอขอบคุณสมาคมฟุตบอลฯ ที่ให้โอกาสไทยรัฐทีวี ได้ถ่ายทอดสดฟุตบอลทีมชาติไทย ซึ่งปีนี้เข้าปีที่ 8 แล้วสำหรับไทยรัฐทีวี โดยการตัดสินใจในครั้งนี้ ก็สอดคล้องกับแคมเปญ ‘เชียร์ไทยให้กึกก้อง’ ที่เราพยายามผลักดันและให้ความสำคัญกับ การถ่ายทอดสดกีฬามาโดยตลอด โดยคัดสรรจาก สิ่งที่คนไทยอยากดู และสนใจ สำหรับครั้งนี้ ไทยรัฐทีวีได้รับสิทธิ์ในการเป็น Official Broadcaster ให้กับทีมชาติไทยชายชุดใหญ่ และทีมชาติไทยชายชุด U23 โดยเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้ ไปจนถึงธันวาคม 2568”
คุณวัชร กล่าวต่อ “แมทช์การแข่งขันในตุลาคมนี้ ทีมชาติไทยชุดใหญ่เตะอุ่นเครื่องฟีฟ่าเดย์ 2 แมทช์ ทีมชาติไทย จะบุกไปเยือน จอร์เจีย ในวันที่ 12 ตุลาคม ต่อด้วยเยือน เอสโตเนีย ในวันที่ 17 ตุลาคม และที่พลาดไม่ได้เลยคือ ทัวร์นาเมนต์ หยุดโลกอีกครั้ง คือ การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก (world cup qualified) รอบใหม่ สำหรับปี 2026 ซึ่งนัดแรก ทีมชาติไทยจะเปิดบ้านเตะกับทีมชาติจีน ในวันที่ 16 พฤศจิกายน นี้ คิดว่าแฟนๆ ทั่วประเทศน่าจะตื่นเต้นกับแมตช์นี้มากๆ เพราะผลการแข่งขันสำคัญมากกับการเข้ารอบต่อไป รวมถึงเป็นการกลับมาเตะที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน อีกครั้งสำหรับทีมชาติไทยชุดใหญ่ ผมคิดว่า เราจะได้เห็นบรรยากาศที่ยอดเยี่ยม แฟนบอลไทยเข้ามาเชียร์เต็มสนาม และแรงเชียร์จากคนไทยผ่านหน้าจอไทยรัฐทีวีในการแข่งขันแมตช์นี้อย่างแน่นอน”
นอกจากนี้ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย กำลังจะออกแคมเปญ #WeSupportThailand ซึ่งแคมเปญนี้จะเป็นการเชิญชวนแฟนๆ ให้มาสนับสนุนเหล่านักเตะทีมชาติไทย เพื่อเป็นการส่งกำลังใจก่อนการแข่งขันในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกที่กำลังจะมาถึงในช่วงปลายปีนี้ซึ่งรายละเอียดต่างๆ สามารถรอติดตามได้จาก Changsuek ทุกช่องทาง
สำหรับ แฟนๆ ชาวไทยทั้งประเทศ สามารถรับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลทีมชาติไทย ได้ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 และเว็บไซต์ www.thairath.co.th/tv/live และ Application Thairath เริ่มยิงสดระเบิดความมันส์ตั้งแต่ตุลาคมนี้ โดยทีมชาติไทยชุดใหญ่ จะมีโปรแกรมฟีฟ่าเดย์ 2 แมตช์ ออกไปเยือน จอร์เจีย ในวันที่ 12 ตุลาคม และ เอสโตเนีย ในวันที่ 17 ตุลาคม 2566 ก่อนที่ในเดือนพฤศจิกายนจะมีโปรแกรมลงแข่งขันฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก (WCQ) นัดแรก กับทีมชาติจีน ในวันที่ 16 พฤศจิกายนนี้ ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน