- กระแสทีมชาติไทย ที่กำลังตก
ต้องยอมรับว่าปัจจุบัน กระแสฟุตบอลของทีมชาติไทย ไม่ได้พุ่งแรงเหมือนเมื่อก่อน หลังจากผลงานของทีมชาติไทยทุกชุด ไล่ตั้งแต่ชุดเยาวชนจนถึงชุดใหญ่ มีผลการแข่งขันที่ผิดหวังมากกว่าสมหวัง จึงเป็นอีกเหตุผลหลักเหตุผลหนึ่ง ที่ปัจจุบันยังไม่มี ใครกล้ามาซื้อลิขสิทธิ์
แม้ผลงานของทีมชาติชุดใหญ่เราจะเป็นถึงแชมป์เก่าเมื่อคราวที่แล้ว แต่ผลงานทีมเยาวชนในรอบปีที่ผ่านมา ไม่เป็นเช่นนั้น เช่น
ทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี แม้จะผ่านเข้ารอบชิงแชมป์เอเชียรอบสุดท้าย แต่ผลงานในรอบแรกก็โดนทีมชาติเวียดนามถล่มยับไปถึง 3 – 0
ทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ตกรอบแรกชิงแชมป์เอเชีย รวมถึงแพ้ทีมชาติลาวในศึกชิงแชมป์อาเซียน และแพ้เวียดนามคู่ปรับสำคัญ
ทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ก็มีผลงานที่ไม่สามารถจับต้องได้ คือ การเป็นรองแชมป์ซีเกมส์ด้วยการแพ้ให้กับเวียดนาม และการตกรอบในชิงแชมป์เอเชีย
ทีมชาติไทยชุดใหญ่ อุ่นเครื่องแพ้ไต้หวันในรอบ 48 ปีคาบ้าน
นี่เป็นผลงานความผิดหวังแค่ส่วนหนึ่ง ยังไม่นับรวมผลงานความผิดหวังอีกยิบย่อยที่เกิดขึ้นกับทีมชาติไทยทุกชุดในขวบปีนี้
- ราคาค่าลิขสิทธิ์ที่แพงเกินความเป็นจริง
ขั้นตอนการซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลรายการนี้ ทาง AFF (สหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน) ได้จ้างบริษัทเอาต์ซอร์ส ชื่อ สปอร์ตไฟว์ จากประเทศเยอรมนีเป็นคนกลางในการเจรจาซื้อขายลิขสิทธิ์ โดยตั้งราคาไว้ที่ 2.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 76 ล้านบาท เป็นการขายแบบฟูลแพ็คเกจ ผู้ซื้อจะได้สิทธิ์ถ่ายทั้งทัวร์นาเมนต์ 26 นัด นอกเหนือจากทีมชาติไทยด้วย
โดยทางเจ้าของลิขสิทธิ์มองเห็นว่าประเทศไทยเป็นแชมป์เก่า และในปีที่แล้วมีเรตติ้งของการดูถ่ายทอดสดฟุตบอล ในรอบรองและนัดชิงชนะเลิศ พุ่งขึ้นทะยานเป็นอันดับ 1 ของประเทศเหนือละครหลังข่าวยอดฮิตทุกเรื่อง ทางเจ้าของลิขสิทธิ์ จึงคิดไปเองว่า ประเทศไทยจะยอมจ่ายเงินเพื่อดูถ่ายทอดสดฟุตบอลในราคาที่สูงขนาดนี้ได้
แต่เมื่อถึงเวลาไม่มีเอกชนเจ้าไหนกล้าทุ่มเงินซื้อราคาขนาดนี้ และต้องการถ่ายแค่เฉพาะของทีมชาติไทยอย่างเดียวเท่านั้น
- ทีมชาติไทยขาดผู้เล่นสตาร์ดังหลายคน
ในรายชื่อผู้เล่นของการแข่งขันศึกชิงแชมป์อาเซียนครั้งนี้ ทีมชาติไทยไม่ได้ใช้ชุดผู้เล่นที่ดีที่สุดไปเล่น โดยขาดนักเตะชื่อดังหลายคน อาทิ ชนาธิป สรงกระสิทธิ์, สุภโชค สารชาติ, ศุภณัฐฏ์ เหมือนตา, ศุภชัย ใจเด็ด
แค่ขาดชนาธิปคนเดียว กระแสความนิยมของฟุตบอลไทยก็ตกลงไปมากแล้ว ยังไม่นับว่าทีมชาติไทยชุดนี้ มีผู้เล่นหน้าใหม่หลายคนที่แฟนบอลส่วนใหญ่ไม่รู้จัก จึงไม่แปลกใจหากแฟนบอลเหล่านั้น จะไม่สนใจทีมชาติไทยในคราวนี้
- โปรแกรมแข่งขันชิงแชมป์อาเซียน มาอยู่ใกล้กับฟุตบอลโลก
แม้ว่าการแข่งขันชิงแชมป์อาเซียนกับฟุตบอลโลกจะไม่ชนกัน แต่โปรแกรมการแข่งขันก็อยู่ใกล้เคียงกันมาก ทำให้เอกชนหลายเจ้าในสื่อทีวีและสื่อออนไลน์ลงทุนไปกับการแข่งขันฟุตบอลโลกแบบหมดหน้าตักไปแล้ว จึงเหลือเงินอย่างน้อยนิดและเงินจำนวนนั้นไม่เพียงพอต่อการมาทุ่ม ให้กับลิขสิทธิ์ฟุตบอลอาเซียน ที่ยังไม่รู้ว่าทีมชาติไทยจะได้แชมป์หรือไม่
ยังไม่นับรวมว่าถ้าซื้อลิขสิทธิ์มาแล้ว จะสามารถทำกำไรคืนได้หรือไม่ หากทีมชาติไทยฟอร์มแย่ตกรอบไปไม่ถึงนัดชิงชนะเลิศ สื่อที่ซื้อลิขสิทธิ์มา คงขาดทุนอย่างมโหฬาร