โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่เหลือ 10 คน แต่ยังสามารถเก็บชัยชนะเหนือ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค 2-1
เริ่มเกมการแข่งขันมาเป็นทางฝั่งทีมเยือนที่เดินหน้าครองบอลบุกกดดัน แต่ยังไม่มีจังหวะลุ้นทำประตูแบบจะแจ้ง เกมผ่านไปแล้ว 20 นาที ทั้งสองทีมยังเสมอกันอยู่ 0-0 แต่หลังจากนั้นอีก 2 นาที ต่อมา “เสือเหลือง” มีจังหวะครองบอลบุกกดดัน ก่อนเป็น นิโก้ ชล็อตเทอร์เบ็ค วางบอลยาวขึ้นหน้าให้ มาร์เซล ซาบิตเซอร์ ได้บอลหลุดเดี่ยวเข้ากรอบเขตโทษ ก่อนยิงผ่านมือ โยนัส โอมลิน เข้าประตูไป ช่วยพา โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ บุกนำ มึนเช่นกลัดบัค 1-0
เกมดำเนินถึงนาทีที่ 27 จากจังหวะฟรีคิกของทีมเยือน นิโก้ ชล็อตเทอร์เบ็ค ได้โอกาสครองบอลในกรอบเขตโทษ ก่อนโดน นิโค่ เอลเวดี้ ที่เข้ามาสกัดล้ม ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษทันที ก่อนเป็น มาร์เซล ซาบิตเซอร์ ที่รับหน้าที่ยิงไม่พลาด ช่วยพา ดอร์ทมุนด์ นำห่าง มึนเช่นกลัดบัค 2-0
ต่อมาในนาที 36 จากจังหวะเตะมุมของฝั่งเจ้าถิ่น ก่อนเป็น ฟร้องค์ โอโนราต์ ที่รับหน้าที่เปิดบอลเข้ามาแล้วเป็น มักซิมิเลี่ยน โวเบอร์ ที่สอดขึ้นมาได้โหม่งเต็มๆ ส่งบอลเข้าประตูไป ช่วยให้ มึนเช่นกลัดบัค ไล่ตาม ดอร์ทมุนด์ 1-2
หลังจากนั้นไม่มีทีมใดที่สามารถทำประตูเพิ่มเติมได้ หมดเวลการแข่งขันครึ่งแรก ดอร์ทมุนด์ บุกนำ มึนเช่นกลัดบัค 2-1
เริ่มครึ่งหลังมาในนาทีที่ 48 คาริม อเดเยมี่ พยายามเลี้ยงบอลเข้ากรอบเขตโทา ก่อนโดน โยนัส โอมลิน พุ่งเข้ามาปัดบอลแต่ไปโดน คาริม อเดเยมี่ ล้มลง ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษทันที ก่อนที่ มาร์เซล ซาบิตเซอร์ จะยิงจุดโทษเข้าไปแล้ว แต่หลังจากนั้น วีเออาร์ เช็กจังหวะดังกล่าวว่าไม่สมควรเป็นจุดโทษ จึงให้ผู้ตัดสินไปดูที่จอข้างสนาม ก่อนที่ผู้ตัดสินจะริบจุดโทษของฝั่งทีมเยือนไป
ต่อมาในนาทีที่ 55 คาริม อเดเยมี่ ไปทำฟาวล์ผู้เล่นเจ้าถิ่น ผู้ตัดสินแจกใบเหลืองที่สองให้แข้งคนดังกล่าว ก่อนควักใบแดง ไล่ออกจากสนาม ทำให้ฝั่ง ดอร์ทมุนด์ เหลือผู้เล่น 10 คน
หลังจากนั้นไม่มีทีมใดที่สามารถทำประตูเพิ่มเติมได้ หมดเวลาการแข่งขัน ดอร์ทมุนด์ บุกชนะ มึนเช่นกลัดบัค หวุดหวิด 2-1 ทำให้ “เสือเหลือง”มี 56 คะแนน รั้งอันดับ 5 ส่วน”สิงห์หนุ่ม” มี 31 แต้ม อยู่ที่ 11