ควันหลงศึก “เอไอเอส ฟุตซอลไทยลีก 2018” นัดที่ 4 ระหว่าง กรมทางหลวง พ่ายต่อ แบงค็อก บีทีเอส 5-6 ที่ผ่านมา โดยทาง โต๊ะเล็กกรมทางหลวง ได้รวม 4 เหตุการณ์หลักที่ทำให้ทีมเสียผลประโยชน์ เนื่องจากการทำหน้าที่ที่ผิดพลาดของผู้ตัดสิน
เหตุการณ์ที่ 1 นาทีที่ 6 วิษณุ มีมากบาง กระชากบอลเข้าไปในเขตโทษของสโมสรแบงค็อก บีทีเอส โดยจังหวะที่กำลังจะง้างเท้ายิงถูกผู้เล่นของทีมเยือนเสียบสกัดไปที่ข้อเท้าด้านซ้าย แต่ทว่าผู้ตัดสินก็ไม่เป่าให้เป็นลูกฟาล์วในเขตโทษ
เหตุการณ์ที่ 2 นาทีที่ 11 จิรสิน กิ้มเส้ง ถูกผู้เล่นทีมเยือนสกัดที่ด้านหลัง ก่อนที่บอลจะไปเข้าเท้าของ นที ธุศิริ ส่งต่อ เกียรติยศ แฉล้มเขตร์ ยิงบอลไปหน้าประตูก่อนเป็น นที ธุศิริ ที่สไลด์ไปส่งบอลเข้าประตู แต่ทว่า ผู้ตัดสินที่ 1 เป่าให้เป็นลูกฟาล์ว ซึ่งขัดกับ ผู้ตัดสินที่ 2 ที่เป่าให้เป็นลูกได้เปรียบในการเล่น
เหตุการณ์ที่ 3 นาทีที่ 39 ผู้เล่นทีมเยือนถูกผู้เล่นกรมทางหลวงสกัดทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ก่อนจะเลี้ยงเข้าไปยิงติดเซฟผู้รักษาประตูทีมเจ้าบ้าน บอลไหลเข้าเท้านายสหรัฐ ศรีวรกต ยิงเป็นประตูที่ 5 ของทีม โดยจากเหตุการณ์นี้สโมสรฟุตซอลกรมทางหลวง มองว่า
จังหวะผู้ตัดสินสามารถเป่าฟาล์วจากการปะทะของผู้เล่นกรมทางหลวง แต่ผู้ตัดสินเป่าให้เป็นลูกได้เปรียบ และสามารถทำประตูได้ ซึ่งต่างจากเหตุการ์ที่ 3 ที่สโมสรฟุตซอลกรมทางหลวง ได้เปรียบในการและทำประตูได้ แต่ผู้ตัดสินเป่าให้เป็นลูกฟาล์ว หรือถ้าไม่เป่าให้เป็นลูกฟาล์วก็สามารถเป่าให้เป็นลูกแฮนด์บอลของ มูฮัมหมัด อุสมานมูซา ก็ได้
เหตุการณ์ที่ 4 นาทีที่ 40 จังหวะท้ายเกมซึ่ง ณ ตอนนั้นสโมสรฟุตซอลแบงค็อก บีทีเอส ทำฟาล์วทีมรวม 5 ครั้ง เกียรติยศ แฉล้มเขตร์ ถูกผู้เล่นทีมเยือนสกัดเข้าที่เท้าอย่างเห็นได้ชัด แต่ทว่าผู้ตัดสินยังไม่กล้าเป่าให้เป็นลูกฟาล์วครั้งที่ 6 ของสโมสรฟุตซอลแบงค็อก บีทีเอส
อนึ่งยังมีหลายเหตุการณ์ที่ผู้ตัดสินทำหน้าที่ให้ทั้งสองทีมเสียผลประโยชน์ โดยปล่อยเกมให้เกิดการปะทะหนักของผู้เล่นทั้ง 2 ทีมมากเกินไป ไม่กล้าตัดสินใจว่าควรจะเป่า หรือไม่ควรเป่า ซึ่งทางสโมสรฟุตซอลกรมทางหลวง มองว่าฝ่ายจัดการแข่งขันควรเลือกหาผู้ตัดสินที่มีมาตรฐานและคุณภาพมาตัดสิน เพราะจะทำให้เกิดการพัฒนาและมีมาตรฐานที่ดียิ่งขึ้นไป