มิโลวาน ราเยวัช กุนซือชาวเซอร์เบีย ยังแสดงให้เห็นถึงการสร้างทีมเพื่ออนาคต เมื่อเขาเปิดโอกาสให้ผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามามีส่วนร่วมในทีมชาติไทยต่อเนื่อง ล่าสุด สุภโชค สารชาติ กองกลางดาวรุ่งวัย 19 ปี จาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็น 1 ใน 2 แข้งป้ายแเดงที่ถูกเรียกเข้ามา ในรายชื่อ 25 คนก่อนตัดให้เหลือ 23 คน สำหรับการลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย พบกับ ทีมชาติอิรัก และ ทีมชาติออสเตรเลีย
สุภโชค เริ่มเล่นฟุตบอลตอนอายุประมาณ 9 ขวบ ตามประสาเด็กๆที่สนุกสนานกับเพื่อนแถวบ้าน แต่ฝีเท้าของเท้าก็นับว่าไม่ธรรมดา เมื่อได้เป็นตัวแทนสถานบันทันที นับตั้งแต่เข้าสู่โรงเรียนขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ ในระดับชั้นมัธยมฯ ผ่านการแข่งขันฟุตบอลภายในละแวกและตามโรงเรียนต่างๆมากมาย ในขณะที่มีอายุน้อยกว่าเพื่อนร่วมทีมถึง 3 ปี
ก่อนที่จุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อ สุภโชค ในวัย 13 ปี เป็นหนึ่งในผู้เล่นของโรงเรียนร่วมกับบรรดารุ่นพี่ประมาณ 4-5 คน ที่โค้ชเห็นแวว พาเดินทางไปคัดตัวกับอคาเดมี่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (โรงเรียนภัทรบพิตร) ในรุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี แม้จะแบกอายุลงเล่นถึง 3 ปี แต่ด้วยพรสวรรค์ที่มี เขาติดเป็น 1 ใน 10 กว่าคน ที่ผ่านการคัดเลือกจากเยาวชนกว่า 1,000 คน และที่น่าสนใจไปกว่านั้นการเดินทางมาครั้งนี้ “เช็ค” ไม่ได้บอกครอบครัวให้ทราบเลย
“จะบอกว่าแอบไปก็ได้นะครับ” สุภโชคเล่าพร้อมรอยยิ้ม “จริงๆตอนนั้นผมยังไม่ได้มีความคิดว่าเราจะเก่งถึงขั้นเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ที่ตัดสินใจไป ส่วนหนึ่งเป็นเพราะโค้ชและพี่ๆชวน ผมเลยคิดว่าน่าจะสนุกดีและเป็นประสบการณ์ที่ดีด้วยก็เลยลองไปโดยไม่ได้ขออนุญาติพ่อหรือแม่ก่อน”
“ตอนนั้นไม่มีความคิดหรือความมั่นใจอะไรเลยว่าจะติด เพราะตอนแรกไปก็เห็นคนมาเยอะมากๆ ประมาณ 1,000 กว่าคนได้ แล้วอีกอย่างผมอายุ 13 ปี ไปคัดรุ่นอายุ 16 ปีด้วย ผมคิดว่าโอกาสติดคงยากถึงยากมากๆ แต่สุดท้ายกลายเป็นว่าผมมีชื่อติดแบบงงๆใน 10 กว่าคน”
“ทีนี้ปิดพ่อกับแม่ไม่ได้แล้ว เลยเอาไปให้เขาดูว่าผมมีชื่อติดนะ ต้องย้ายไปกินนอนที่ บุรีรัมย์ ตอนแรกก็กลัวว่าเขาจะไม่โอเคหรือเปล่า เพราะเราเหมือนแอบไป แต่สุดท้ายเขาก็โอเคให้เราไป ก็ดีใจครับที่พ่อและแม่ รวมถึงทุกคนในครอบครัวเข้าใจ ซึ่งจริงๆเขาก็ไม่ได้ปิดกั้นผมในเรื่องนี้อยู่แล้ว”
นับตั้งแต่วันนั้น สุภโชค ก็กลายเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่เฉิดฉายที่สุดของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เขาเริ่มต้นด้วยการพาทีมอคาเดมี่รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี คว้าแชมป์ฟุตบอลนักเรียนกรมพลศึกษา ถ้วย ข. ต่อด้วย ในรุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี ที่คว้ารองแชมป์กรมพลศึกษา ถ้วย ก. , อันดับ 3 ฟุตบอลไพรมินิสเตอร์ ในรอบชิงแชมป์ประเทศไทย รวมถึงยังอยู่ในชุดรองแชมป์โค้กคัพฯ รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี เมื่อปี 2015-2016 รุ่นเดียวกับ เชาว์วัตน์ วีระชาติ , สิทธิโชค กันหนู และ อานนท์ อมรเลิศศักดิ์
ขณะเดียวกันระหว่างนั้น สุภโชค ในวัยเพียง 16 ปี ยังเทิร์นโปรสู่ฟุตบอลอาชีพเป็นที่เรียบร้อย เมื่อถูก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ส่งตัวไปเก็บสกิลลูกหนังกับ สุรินทร์ ซิตี้ ในดิวิชั่น 2 โซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือเมื่อปี 2015 และด้วยฝีเท้าที่เก่งเกินวัย ทำให้เขาอยู่ได้เพียงเลกเดียว ก่อนที่เลกสองจะถูก ปราสาทสายฟ้า ดันขึ้นสู่ชุดใหญ่ครั้งแรกในชีวิต
จากนั้นชื่อของ สุภโชค เริ่มถูกจับตามองมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งการลงเล่นโตโยต้า ไทยลีก และ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ตั้งแต่อายุไม่ถึง 18 ปี รวมถึงยังติดทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ทั้งรอบคัดเลือก ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ รวมถึงรอบสุดท้ายที่ประเทศบาห์เรน ก่อนใช้เวลา 3 ปี ในการเล่นฟุตบอลอาชีพ ก้าวสู่ทีมชาติไทยชุดใหญ่ครั้งแรก ซึ่งอาจเรียกได้ว่า “ฟ้าหลังฝน” เพราะล่าสุดเขาก็เพิ่งหลุดจากทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ในการลุยศึกซีเกมส์ ที่ประเทศมาเลเซีย
”เซอร์ไพรส์มากครับ เซอร์ไพรส์จริงๆ” สุภโชคที่ยิงไป 7 ประตูบนโตโยต้า ไทยลีก กล่าวถึงการถูก มิโลวาน ราเยวัช เรียกติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ครั้งแรก
“ก่อนหน้านี้เพิ่งผมอกหักจากซีเกมส์ แต่ตอนนี้ผมมีชื่อติดชุดใหญ่ครั้งแรกในชีวิต จะบอกว่าฟ้าหลังฝนก็ได้ครับ ผมรู้สึกดีใจมากๆครับ เป็นความรู้สึกที่วิเศษจริงๆ มันเป็นความฝันของผมตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว”
“เป็นโอกาสที่เข้ามาเร็วมากครับ ผมไม่เคยคิดเลยว่าในวัย 19 ปี ผมจะมีโอกาสติดชุดใหญ่ครั้งแรก แต่ในเมื่อโอกาสเข้ามาแล้ว ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุดและเต็มที่ที่สุดเท่าที่ผมทำได้ครับ”
“ผมอยากขอบคุณโค้ช (มิโลวาน ราเยวัช) ที่มอบโอกาสให้ผม มองมาที่เด็กตัวเล็กๆในวัย 19 ปีอย่างผม ขอบคุณจริงๆครับ แล้วก็ขอบคุณสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ด้วยครับ ที่คอยผลักดันผมอยู่ตลอดเวลา”
“ขณะที่เป้าหมายผมไม่ได้คาดหวังอะไรครับ ผมอยากเก็บเกี่ยวประสบการณ์ตรงนี้ให้ได้มากที่สุดก่อนครับ” สุภโชคปิดท้ายด้วยความมุ่งมั่น
รู้หรือไม่
– สุภโชค สารชาติ เป็นคนจังหวัดศรีสะเกษ เกิดในครอบครัวเกษตรกรโดยแท้ พ่อแม่ประกอบอาชีพทำนาข้าวของตัวเอง พร้อมกับมีกิจการร้านขายปุ๋ยควบคู่ไปด้วย แล มีน้องชายแท้ๆ 2 คน หนึ่งในนั้นคือ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา แกนหลักทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี ชุดรองแชมป์อาเซียน ครั้งล่าสุด
– สุภโชค สารชาติ และ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา นามสกุลไม่เหมือนกันเพราะว่า สุภโชค ใช้นามสกุลแม่ โดยล่าสุด น้องชาย ก็ถูก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ดันขึ้นสู่ชุดใหญ่แล้ว และมีโอกาสเล่นร่วมกันครั้งแรกในเกมอุ่นเครื่องที่ชนะ ระนอง ยูไนเต็ด 0-1 ปี 2016
– เป็นเจ้าของสถิติผู้เล่นอายุน้อยสุดอันดับ 2 ที่ลงเล่นโตโยต้า ไทยลีก ให้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ด้วยวัยเพียง 17 ปี 2 เดือน 18 วัน ในเกมบุกชนะบ้านเกิด ศรีสะเกษ เอฟซี 0-1 เมื่อปี 2015 เป็นรองแค่ อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ 16 ปี 9 เดือน
– อยู่ในอันดับ 5 ในส่วนของผู้เล่นอายุน้อยสุดที่ยิงประตูได้บนโตโยต้า ไทยลีก ด้วยวัย 17 ปี 11 เดือน 20 วัน ในเกมบุกเสมอ โอสถสภาฯ 2-2 เมื่อปี 2016
– เป็นเจ้าของสถิติผู้เล่นอายุน้อยที่สุด ลงเล่น เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ให้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ด้วยวัยเพียง 17 ปี 11 เดือน 3 วัน หลังถูกส่งลงสนามในเกมบุกพ่าย เอฟซี โซล 2-1 ที่มี ออสมาร์ อิบันเญซ นำทัพ เมื่อปี 2016
– เป็นเจ้าของสถิติผู้เล่นอายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์ ที่ยิงแฮตทริคได้ในโตโยต้า ไทยลีก เกิดขึ้นในปีนี้ จากเกมที่บุกชนะ ไทยฮอนด้า ลาดกระบัง เอฟซี 1-5 ด้วยวัยเพียงแค่ 18 ปี 9 เดือน 17 วัน เท่านั้น
– อยู่ในชุดคว้า 5 แชมป์ภายในหนึ่งปี ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เมื่อปี 2015 ซึ่งเป็นทีมแรกของทวีปเอเชียที่ทำได้
– เป็นเจ้าของสถิติผู้เล่นอายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์ ที่ยิงแฮตทริคได้ในโตโยต้า ไทยลีก เกิดขึ้นในปีนี้ จากเกมที่บุกชนะ ไทยฮอนด้า ลาดกระบัง เอฟซี 1-5 ด้วยวัยเพียงแค่ 18 ปี 9 เดือน 17 วัน เท่านั้น
– จักรพันธ์ แก้วพรม กองกลางรุ่นพี่ในบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นต้นแบบลูกหนังของ สุภโชค สารชาติ ขณะเดียวกันเขายังเป็นแฟนบอลอาร์เซน่อล ชื่นชอบ อเล็กซิส ซานเชส เป็นพิเศษ และมักศึกษาการเล่นของแข้งรายนี้เป็นประจำ รวมถึงผู้เล่นอย่าง เนย์มาร์ , ลิโอเนล เมสซี่ และ อันเดรส อิเนียสต้า ซึ่ง เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรเคยยกย่องว่ามีสไตล์การเล่นคล้ายเจ้าตัว
ขอบคุณข้อมูลจาก :