แฟรงค์ แลมพาร์ด นายใหญ่จอมเฮี้ยบ เชลซี ออกมาเผยคงเป็นเรื่องโง่ไปนิดหากคิดว่าทีมจะสามารถยกระดับไปเทียบกับ ลิเวอร์พูล หรือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเวลานี้
แลมพาร์ด เข้ารับตำแหน่งคุมทีมในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา โดยที่สโมสรโดนโทษแบนในตลาดซื้อขาย
อย่างไรก็ตามเขานั่นเป็นการเปิดโอกาสให้เขาได้ใช้งานดาวรุ่ง ผลลัพธ์ก็ออกมาน่าประทับใจ ตอนนี้รั้งอันดับ 4 ในตาราง พรีเมียร์ลีก
เมื่อถามถึงความพอใจกับผลงานในตอนนี้ แลมพาร์ด บอกกับ สกายสปอร์ต ว่า “ผมคิดว่าผมเป็นคนแรกเสมอที่จะวิจารณ์ตัวเอง หรือมองถึงเรื่องที่คิดว่าเราสามารถทำได้ดีกว่านี้”
“คุณอาจจะมองไปที่เกมบางเกม ผลการแข่งบางนัด แต่ผมคิดว่าคุณต้องมองไปไกลกว่านั้น มันเป็นความคิดที่ว่าผมแฮปปี้กับอันดับ 4 มากกว่า”
“แน่นอนมันต้องเจอกับการแข่งขันอยู่แล้ว เราต้องเจอกับปีที่ยากลำบากในการสู้เพื่อท็อปโฟร์ และตอนนี้เราก็อยู่ตรงนั้น มันเป็นเรื่องที่ว่าเราจะพัฒนาจากจุดนี้ต่อไปยังไงมากกว่า”
“เรารู้ว่าเรามีผู้เล่นดาวรุ่ง มีหลายครั้งที่เราพยายามมองหาความคงเส้นคงวา เพราะงั้นจริงๆนะ ผมมองดูแล้วคิดว่า -ใช่ ผมแฮปปี้กับตำแหน่งที่เราอยู่ แต่ผมต้องการมากกว่านี้- แต่ผมก็คิดว่าจากผลงานที่ออกมามันค่อนข้างดี ไม่ใช่แค่ตัวผม แต่รวมถึงทีมงานด้วย รวมถึงสิ่งที่เราต้องการให้งานมันเป็น และคิดว่าอนาคตเราจะสามารถทำได้มากกว่านี้ไหม?”
เมื่อถามว่าทีมชุดนี้สามารถขึ้นไปเป็นตัวเต็งคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้หรือไม่ แลมพาร์ด บอกว่า “ผมไม่อยากจะมองข้ามช็อตนะ เพราะสิ่งที่ลิเวอร์พูลกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ทำในช่วงสองหรือสามฤดูกาลที่ผ่านมามันชัดเจนมากๆ”
“ผมว่าตัวเองคงจะโง่ไปนิดหากจะบอกว่าเราจะลดระยะห่างนั้นในเวลาอันสั้น เพราะทั้งสองสโมสรต้องใช้การทำงานหนักอย่างมากในเรื่องของการเสริมผู้เล่นระดับท็อป เสริมโค้ชที่ยอดเยี่ยม การทำงานและการพัฒนาตัวเองของผู้เล่น เราต้องผ่านกระบวนการเหล่านั้นก่อน”
“เราต้องทำในแบบที่ต่างออกไป เราไม่สามารถไปเลียนแบบเรื่องนั้นได้แต่ก็ต้องศึกษามันไว้ เราเองก็มีผู้เล่นดาวรุ่งที่เก่ง เรามีผู้เล่นประสบการณ์คอยช่วยเหลือพวกเขาในฤดูกาลนี้ แต่เราก็รู้ว่ามีบางจุดที่เราอาจจะเสริมในอนาคต”
“ด้วยการทำงานอย่างต่อเนื่องในแต่ละวันและทัศนคติของสโมสร ของตัวผม ของผู้เล่น และความเป็นไปได้ในการเสริมผู้เล่นในบางตำแหน่งที่เราคิดว่าจะสามารถช่วยเราลดช่องว่างของลิเวอร์พูลกับซิตี้ได้ แบบนั้นก็ใช่เลย ผมมีความเชื่อมั่นมากกว่าเราสามารถทำได้”