ฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยชุดใหญ่สามารถสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์อาเซียน (AFF Women’s Championship 2016) ที่เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา มาครองได้สำเร็จ แต่หลังจากนี้จะเริ่มเข้าสู่การแข่งชันชิงแชมป์เอเชีย ระดับเยาวชน
ทัวร์นาเมนต์ต่อไปก็คือการแข่งขันฟุตบอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือกรุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี (2017 AFC U-16 Women’s Championship qualification) โดยทีมชุดนี้นำโดยหัวหน้าผู้ฝึกสอนอย่าง นภดล พิบูลย์เวช ที่เคยมีประสบการณ์ในการสร้างทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติสหรัฐอเมริการที่เป็นเบอร์หนึ่งของโลก ณ เวลานี้
ภารกิจครั้งนี้ดูไม่สำคัญมากนัก เนื่องจาก ฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี ได้การันตีการเข้ารอบสุดท้ายที่ประเทศจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากสิทธิ์การเป็นอันดับ 4 ในการแข่งขันเมื่อปี 2015
แต่ “โค้ชแดง” กลับไม่มองแบบนั้น เพราะเจ้าตัวยืนกรานว่าการแข่งขันทัวร์นาเมนต์นี้จะเป็นตัวสำคัญ และจะสร้างอนาคตให้กับวงการฟุตบอลหญิงในประเทศไทยให้เติบโตอย่างมั่นคง และก้าวข้ามระดับอาเซียน
“ทัวร์นาเมนต์นี้อาจจะมองว่าเป็นรอบคัดเลือก ซึ่งเราเข้ารอบไปแน่นอนแล้ว แต่มันก็ยังเป็นขั้นตอนสำคัญ ไม่ใช่ว่ามองว่าเราเข้ารอบแล้ว ซึ่งพอเป็นแบบนั้นหลายทีมก็จะไม่เน้น ไม่ตั้งใจเล่น เพราะว่าไม่ต้องแข่งขันให้ติดให้ได้ เพราะฉะนั้นการที่เราลงเล่นก็เพื่อปลูกฝังทัศนคติให้กับเด็ก เพื่อไม่ให้คิดว่าทุกอย่างสบาย” นภดล พิบูลย์เวช กล่าวเริ่ม
“นี่ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ เราอยากจะยกระดับเด็กของเรา เราอยากจะเปลี่ยนวัฒนธรรมการคัดเลือก การฝึก การแข่งขัน เพราะฉะนั้น ทุกโอกาสที่เราได้เล่น มันจะทำให้ทุกอย่างมั่นคงมากขึ้น สิ่งที่ผมเป็นห่วงมากที่สุดก็คือความทุ่มเทและรูปแบบ เรื่องรูปแบบมันสำคัญ แต่ส่วนประกอบของรูปแบบมีมากมายทั้งวิสัยทัศน์ ทัศนคติ ระเบียบวินัย ความมุ่งมั่น ความทะเยอทะยานของเด็กเนี่ย เราจะต้องเปลี่ยนวัฒนธรรมของการปฏิบัติเขาให้ได้ เพราะฉะนั้นผมก็เลยมีความตั้งใจมากขึ้น ซึ่งแนวทางของผมก็ตรงกับแนวทางของสมาคมฯ ที่นายกสมาคมอยากให้เราสร้างระเบียบวินัย เปลี่ยนแปลงการสร้างทีมของเรา”
“ผมมีความมั่นใจว่าเราจะผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้ ตั้งแต่กลับมาจากทีมชุดอายุไม่เกิน 14 ปี และมองเห็นบรรดาชาติอื่นๆในอาเซียน แต่ก็มีความสงสัยว่าทำไมเราไม่ดีกว่านี้ นานแล้ว คือเราดีอยู่แล้ว แต่ผมคิดว่าเราดีได้กว่านี้ เราจะไปไหนล่ะ จะไปได้เร็วไหม หรือไม่ไปไหน ไอคำว่า ดีพอถ้าเป็นของญี่ปุ่น คือ ไม่พอดีและ ยังไม่พอ เรื่องของแนวทางผมคือต้องอยู่ในระดับสากล ต้องแข่งขันต้องสู้ได้”
“สิ่งแรกที่เราต้องทำคือประเมินตัวเอง อย่ารอคนอื่นประเมิน วิเคราะห์ การวิเคราะห์ของคนอื่นอาจจะมาจากเหตุผล ที่เราเห็นด้วยหรือเราไม่เห็นด้วย แต่จริงๆแล้วเรามีสต๊าฟฟ์ที่เขาคอยวิเคราะห์ บางคนยังบอกว่าเราทำได้แค่ 80 เปอร์เซ็นต์ของความสามารถที่มีอยู่”
“รุ่นของผม ผมกำลังสร้างอนาคต เปลี่ยนหมดทุกอย่าง วิธีการเล่น รูปแบบการเล่น แนวคิด ทัศนคติ ระเบียบวินัย นิสัยใจคอ เปลี่ยนหมด เพราะถ้าเรายังอยู่แบบนี้เราก็แค่อาจจะเสมอๆและไปเสี่ยงดวง หรืออาจจะชนะแบบไม่ชัดเจน ผมอยากจะชนะแบบชัดเจน ซึ่งในอนาคตผมจะสร้างรุ่น 14,15, 16 ให้ชนะแบบชัดเจนมากกว่านี้”
“หากเราไปบอลโลก 17 ได้ อันนั้นคือแนวทาง เราต้องสร้างให้ไปให้ได้ เพราะว่าหากไปไม่ได้แล้วมาเสี่ยงดวง รอมีโควต้าเพิ่ม ผมคิดว่าเราควรจะสร้างโอกาสของเรา เราต้องเก่งพอที่จะมีแนวทางไปเอง เพราะฉะนั้นในช่วงของการพัฒนาเด็กของผมตอนนี้ อย่างเด็ก 13 หรือ 14 ผมไม่มีกำหนดว่าเขาจะติดเมื่อไหร่ เขาเก่งเมื่อไหร่ก็ติดทีมชุดใหญ่ได้เมื่อนั้น นั่นคือระดับการประเมินของผม เพราะอย่าลืม คำของผมคือ ดีพอคือไม่ดีพอ คำว่าดีพอไม่ควรเป็นมาตรฐานที่พอใช้ได้”
ข้อมูล : https://fathailand.org/archives/6316