“ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด เตรียมจัดทัพใหญ่ลงสนาม นำทัพโดย คาริม เบนเซม่า ดาวซัลโวตัวหลักเพื่อรอต้อนรับ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สุดปึ้กไม่มีแข้งดังได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติมในศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 คืนวันที่ 4 พ.ค.นี้ เพื่อลุ้นพลิกกลับมาเป็นฝ่ายคว้าชัยผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ หลังจากนัดแรกบุกไปแพ้มาก่อนด้วยสกอร์ 3-4
ความพร้อมของทั้งสองทีม เรอัล มาดริด VS แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2
เรอัล มาดริด VS แมนเชสเตอร์ ซิตี้
สนาม : เอสตาดิโอ ซานติอาโก้ เบร์นาบิว
เวลา : 02.00 น.
ผลนัดแรก : แมนฯ ซิตี้ ชนะ เรอัล มาดริด 4-3
เรอัล มาดริด
คาร์โล อันเชลอตติ กุนซือ “ราชันชุดขาว” พร้อมจัดทีมที่ดีที่สุดลงสนามแน่นอน เพื่อลุ้นเก็บชัยพลิกผ่านเข้าชิงให้ได้ หลังจากนัดแรกบุกไปแพ้มาก่อนแบบหวุดหวิด 3-4 โดยเกมนี้ต้องยิงประตูเอาชนะด้วยสกอร์ 2 ลูกขึ้นไป จึงจะได้ตบเท้าผ่านเข้าชิงไปเลย แต่ถ้าชนะเพียงลูกเดียวจะต้องเล่นช่วงต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที เพื่อตามหาผู้ชนะกันต่อไป แม้จะมีนักเตะขาดหายไปบ้าง เพราะมีบางรายยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ แต่ว่าพวกแข้งหลักยังคงพร้อมออกสตาร์ทเป็นเกือบทั้งหมดตามแผนการเล่นแบบ 4-3-3 แนวรับไม่มี ดาวิด อบาลา ได้รับบาดเจ็บ จึงน่าจะให้ นาโช่ เฟร์นันเดซ ยืนเป็นกองหลังคู่กับ เอแดร์ มิลิเทา แดนกลางน่าจะให้ คาเซมิโร่ กลับมาลงเล่นเป็นตัวจริงแทนที่ของ เฟเดริโก้ วัลเวร์เด้ ซึ่งได้รับโอกาสให้ลงเล่นเป็นตัวจริงในนัดแรก เพื่อให้ยืนคุมเกมร่วมกับ ลูก้า โมดริช และ โทนี่ โครส แนวรุกยังคงไร้ เอเดน อาซาร์ ต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บต่อไป คาดว่า โรดรีโก้ โกเอส น่าจะเบียด มาร์โก อเซนซิโอ เพื่อลงไปสวมบทเป็นปีกขวา ขณะที่ วินิซิอุส จูเนียร์ ยังคงประจำทางด้านซ้าย ส่วนกองหน้าตัวเป้ายังคงเป็นหน้าที่ของ คาริม เบนเซม่า ซึ่งยังคงเป็นเจ้าของตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลนี้ด้วยจำนวน 14 ประตู
11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริง
ธีโบต์ กูร์ตัวส์, ดาเนี่ยล คาร์บาฆัล, เอแดร์ มิลิเทา, นาโช่ เฟร์นันเดซ, แฟร์ลองด์ เมนดี้, ลูก้า โมดริช, คาเซมิโร่, โทนี่ โครส, โรดรีโก้ โกเอส, คาริม เบนเซม่า, วินิซิอุส จูเนียร์
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
“เป๊ป” โจเซฟ กวาร์ดิโอล่า กุนซือ “เรือใบสีฟ้า” ยังคงพร้อมจัดผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนามแน่นอน หลังตุนความได้เปรียบจากนัดแรกที่เปิดบ้านชนะมาได้ก่อนด้วยสกอร์ 4-3 โดยเกมนี้ขอเพียงแค่ผลเสมอจะได้ผ่านเข้าสู่นัดชิงไปเลย แต่ถ้าแพ้ด้วยสกอร์ที่ห่างกันเพียงลูกเดียวจะต้องเล่นช่วงต่อเวลาพิเศษเพื่อลุ้นกันต่อไป และจะได้นักเตะที่ขาดหายไปจากนัดแรกกลับมาช่วยทีมตามแผนการเล่นแบบ 4-3-3 แนวรับเตรียมให้ เจา คันเซโล่ กลับมายืนประจำการในตำแหน่งแบ็กขวาอีกครั้ง เพราะว่าพ้นโทษแบนหนึ่งนัดในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เรียบร้อยแล้ว ส่วนคู่กองหลังจะให้ รูเบน ดิอาส ยืนคู่กับ อายเมริก ลาปอร์ก แดนกลางน่าจะปรับเปลี่ยนในบางตำแหน่ง แต่ โรดรี้ จะได้ยืนเป็นตัวหลักในฐานะตัวคุมเกม แต่ อิลคาย กุนโดกาน ไม่น่าจะเบียดแย่งตำแหน่งตัวจริงมาจาก แบร์นาร์โด้ ซิลวา ได้สำเร็จ ส่วนในรายของ เควิน เดอ บรอยน์ ยังคงพร้อมสวมบทเป็นเพลย์เมกเกอร์ในฐานะตัวปั้นเกมต่อไปตามเดิม แนวรุกถือว่าเป็นจุดที่พร้อมที่สุด เพราะไม่มีนักเตะในแดนหน้าขาดหายไปเลย แต่น่าจะให้ กาเบรียล เชซุส ซึ่งงัดฟอร์มเก่งออกมาโชว์จากการยิงประตูได้อยู่บ่อยๆ ยืนเล่นเป็นกองหน้าไปเลย ส่วนปีกขวาเป็นหน้าที่ของ ริยาด มาห์เรซ ดาวซัลโวประจำทีมต่อไป และน่าจะขยับ ฟิล โฟเด้น แข้งสาระพัดประโยชน์ให้ไปยืนอยู่ทางฝั่งซ้ายด้วย
11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริง
เอแดร์ซอน โมราเอส, เจา คันเซโล่, รูเบน ดิอาส, อายเมริก ลาปอร์ก, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้, เควิน เดอ บรอยน์, โรดรี้, แบร์นาร์โด้ ซิลวา, ริยาด มาห์เรซ, ฟิล โฟเด้น, กาเบรียล เชซุส
ผลที่คาด : เรอัล มาดริด เสมอ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-1