“สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี หลังพิงฝาต้องชนะด้วยสกอร์ห่างกันถึง 3 ประตู จึงจะให้พวกแข้งหลักกลับมาลงสนามเพื่อลุ้นพลิกเข้ารอบจากนัดเยือน “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ในศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 เมื่อคืนวันที่ 12 เม.ย.นี้ โดยเจ้าบ้านตุนความได้เปรียบจากนัดแรกที่บุกไปชนะมาได้ก่อนถึง 3-1
ความพร้อมของทั้งสอง เรอัล มาดริด VS เชลซี ในศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2
เรอัล มาดริด VS เชลซี
สนาม : เอสตาดิโอ ซานติอาโก้ เบอร์นาบิว
เวลา : 02.00 น.
ผลนัดแรก : เชลซี แพ้ เรอัล มาดริด 1-3
เรอัล มาดริด
คาดว่ากุนซือ คาร์โล อันเชลอตติ จะปรับทัพจากเกมล่าสุดที่เปิดบ้านชนะ เกตาเฟ่ 2-0 ในศึกลาลีกา หลังถูกความได้เปรียบมาจากนัดแรกที่บุกไปเก็บชัยมาได้ก่อนด้วยสกอร์ 3-1 จึงมีโอกาสลุ้นผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้สูงมาก โดยเกมนี้ขออย่างน้อยเพียงแค่ผลเสมอ หรือแพ้ด้วยสกอร์ห่างกันไม่เกิน 1 ประตู เช่น 0-1 หรือ 1-2 จะได้ผ่านเข้าสู่รอบตัดเชือกทันที จึงพร้อมให้พวกแข้งหลักลงสนามตามแผนการเล่นแบบ 4-3-3 แนวรับไม่มี เอแดร์ มิลิเทา ติดโทษแบน จึงพร้อมให้ นาโช แฟร์นันเดซ ลงไปยืนเป็นกองหลังคู่กับ ดาวิด อลาบา แดนกลางเตรียมดร็อป เฟเดริโก้ วัลเวร์เด้ กับ เอดูอาร์โด้ คามาวิงก้า ซึ่งได้รับโอกาสให้ลงเล่นเป็นตัวจริงในนัดล่าสุด เพื่อให้ 2 ตัวเกา นั่นก็คือ ลูก้า โมดริช และ โทนี่ โครส ได้กลับมาออกสตาร์ทตั้งแต่นาทีแรก, แนวรุกน่าจะให้ โรดรีโก้ โอเกส กลับไปนั่งเป็นตัวจริง เพื่อเปิดทางให้ มาร์โก้ อเซนซิโอ สวมบทเป็นตัวริมเส้นฝั่งขวา และพร้อมให้ วินิซิอุส จูเนียร์ ยืนอยู่ทางซ้ายเพื่อประสานงานกับ คาริม เบนเซม่า กองหน้าตัวเก่งที่ซัดแฮตทริกจากการเหมาคนเดียว 3 ประตูใส เชลซี ในนัดแรกนั่นเอง
11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 4-3-3
ธีโบต์ กูร์ตัวส์, ดาเนี่ยล คาร์บาฆัล, นาโช แฟร์นันเดซ, ดาวิด อลาบา, ลูคัส บาซเกซ, ลูก้า โมดริช, คาเซมิโร่, โทนี่ โครส, มาร์โก้ อเซนซิโอ, คาริม เบนเซม่า, วินิซิอุส จูเนียร์
เชลซี
คาดว่ากุนซือ โธมัส ทูเคิ่ล จะปรับทัพจากเกมล่าสุดที่บุกไปถล่ม เซาแธมป์ตัน 6-0 ในศึกพรีเมียร์ลีก เพื่อลุ้นคว้าชัยพลิกกลับมาเป็นฝ่ายเข้ารอบไปลุ้นป้องกันแชมป์ หลังพลาดท่าแพ้ เรอัล มาดริด ในนัดแรกแบบคาบ้าน 1-3 ทำให้ทีมแชมป์เก่าจากเมื่อฤดูกาลที่แล้วตกอยู่ในสถานการณ์หลังพิงฝาแบบสุดๆ โดยเกมนี้จะต้องยิงชนะให้มีสกอร์ห่างกันถึง 3 ประตู เช่น 3-0 หรือ 4-1 จึงจะมีสิทธิ์ไปตบเท้าเข้ารอบรองชนะเลิศ แต่ถ้าชนะด้วยสกอร์ห่างกัน 2 ลูก เช่น 2-0 หรือ 3-1 จะต้องเล่นช่วงต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาทีเพื่อตามหาผู้ชนะกันต่อไป จึงพร้อมให้พวกแข้งหลักกลับมาออกสตาร์ทเป็นตัวจริงทั้งหมดตามแผนการเล่นแบบ 3-4-2-1 แนวรับน่าจะเล่น 3 กองหลังต่อไป โดยจะให้ อันเดรียส คริสเตนเซ่น ติอาโก้ ซิลวา และ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ยืนเล่นด้วยกันตามเดิม แดนกลางน่าจะดร็อป มาเตโอ โควาซิช เพื่อให้ จอร์จินโญ่ กลับมายืนคุมเกมร่วมกับ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ แนวรุกน่าจะเลือก ติโม แวร์เนอร์ ลงไปปั้นเกมร่วมกับ เมสัน เมาท์ หลังจัดการซัดเบิ้ลยิงคนละ 2 ประตูในเกมล่าสุดได้ทั้งคู่เลย ส่วนกองหน้ายังคงจับ โรเมลู ลูกากู นั่งเป็นตัวสำรองต่อไป เพราะยังคงไว้ใจ ไค ฮาเวิร์ตซ เป็นตัวเลือกอันดับแรก
11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริง
เอดูอาร์ เมนดี้, อันเดรียส คริสเตนเซ่น, ติอาโก้ ซิลวา, อันโตนิโอ รูดิเกอร์, รีซ เจมส์, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, จอร์จินโญ่, มาร์กอส อลอนโซ่, เมสัน เมาท์, ติโม แวร์เนอร์, ไค ฮาเวิร์ตซ
ผลที่คาด : เรอัล มาดริด เสมอ เชลซี 1-1