ริโอ เฟอร์ดินานด์ อดีตกองหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตำหนิการตัดสินใจของสโมสรที่ร่วมจัดตั้ง ซูเปอร์ลีก โดยกล่าวว่าเป็นเรื่องน่าอับอายและเห็นแก่ตัวสุดๆ
12 สโมสรใหญ่ของยุโรปเพิ่งร่วมแถลงจัดตั้ง ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก รายการแข่งขันฟุตบอลระดับทวีปที่จะลงเตะช่วงกลางสัปดาห์ ชนกับรายการเดิมอย่าง แชมเปี้ยนส์ลีก
“ปีศาจแดง” เป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งด้วยเช่นกัน และประธานสโมสรอย่าง โจเอล เกลเซอร์ ก็มีชื่อเป็นรองประธานรายการดังกล่าว
นั่นทำให้รายการดังกล่าวถูกวิจารณ์จากทั่วทุกสารทิศ ทั้งจากแฟนบอล, อดีตนักเตะ, บุคคลสำคัญ และองค์กรต่างๆ ที่ส่วนใหญ่เห็นพ้องกันว่าไม่ควรจัดขึ้น โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันที่ทุกฝ่ายต่างก็ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโคโรน่าไวรัส
อดีตปราการหลังของ ยูไนเต็ด ก็เป็นคนหนึ่งที่ออกมวิจารณ์การตัดสินใจของสโมสร โดยมองว่ามันเป็นเรื่องขายขี้หน้า ที่ต้องการแยกตัวไปจัดรายการดังกล่าว
เขากล่าวผ่าน BT Sport ว่า “ผมขายหน้าจริงๆ เจ้าของทีมถูกโจมตีในหลายๆเรื่อง แต่ไม่ใช่ในสถานการณ์ตอนนี้”
“การมีส่วนในกลุ่มนั้น, พวกที่จะแยกตัวออกไปและปล่อยให้คนอื่นๆตาย มันเป็นเรื่องน่าอับอาย”
“ผมไม่อยากจะเชื่อเลย ผมเป็นแฟน แมนฯ ยูไนเต็ด ผมรักสโมสรนี้ แต่ผมไม่อาจนิ่งเฉยและสนับสนุนอะไรแบบนี้ได้เลย”
นอกจากนี้ เฟอร์ดินานด์ ยังวิจารณ์ต่อว่าการกระทำดังกล่าว เป็นเรื่องของเงินล้วนๆและตรงกันข้ามกับทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเกมฟุตบอล
“กลุ่มสโมสรที่จะแยกตัวออกไปนี้ สำหรับผมนี่มันคือสงครามในวงการฟุตบอล” เขากล่าวต่อ
“มันเป็นเรื่องน่าอัปยศและขายขี้หน้า มันตรงกันข้ามกับทุกสิ่งที่ฟุตบอลที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอล มันกลายเป็นสังคมปิดสำหรับชนชั้นสูง และมันเป็นเรื่องของเงินเพียงอย่างเดียวโดยสมบูรณ์แบบ”
“ทีมรวยก็จะรวยยิ่งขึ้น โดยไม่ได้คิดถึงทีมอื่นๆ ไม่มีการคิดถึงประวัติศาสตร์ และความแตกต่างระหว่างทีมใหญ่กับส่วนของพีระมิดฟุตบอลที่ต่ำกว่านั้น”
“มันเป็นเรื่องอัปยศ กับความหน้าด้านของพวกเขาที่ทำอะไรแบบนี้ในสภาวะที่พวกเรากำลังเผชิญ โรคระบาดที่แพร่ไปทั่วโลก และผู้คนต่างได้รับความเดือดร้อน”
“การต่อต้านการแข่งขัน อยู่ตรงข้ามกับทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอล, การตกชั้น และการเลื่อนชั้น การได้รับรางวัลเมื่อชนะและการถูกลงโทษเมื่อแพ้, นี่คือสิ่งที่เพิ่มคุณค่าให้กับเกมของพวกเรา”
“มันแสดงให้เห็นว่าคนพวกนี้ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับฟุตบอลเลย สำหรับพวกเขามันเป็นเพียงรายการทางธุรกิจก็แค่นั้นเอง”
