เมื่อเวลา 14.00 น. ที่โรงแรม ดิ เอมเมอรัล “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย เป็นตัวแทนเข้าร่วมการแถลงข่าวครั้งนี้ส่วนทีมชาติญี่ปุ่นส่ง วาฮิด ฮาลิลฮ็อดวิช กุนซือใหญ่เข้าร่วมการแถลงข่าว
“สำหรับทีมชาติไทย ความพร้อมก็น่าจะร้อยเปอร์เซ็นต์ เกมแรกถึงแม้เราจะทำผลงานได้ดี แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะได้แต้ม นัดที่สองก็ถือว่าเราไม่มีทางเลือก เพราะหากเราแพ้โอกาสที่เราจะประสบความสำเร็จก็จะลดลง เกมที่สองเราต้องการแต้ม แต่การเจอกับญี่ปุ่นก็เป็นเกมที่ยาก เพราะเขาเป็นทีมที่ดีของเอเชีย แต่ทีมชาติไทยเองก็ไม่ได้มีความกลัว เพราะว่ามาถึงรอบนี้แล้ว เราต้องการวัดฝีเท้าว่าเราอยู่ในระดับไหน เราต้องการเล่นต่อหน้าแฟนให้ดีที่สุด และทำผลงานให้ดี ขุมกำลังทั้ง 23 คนที่เรามีก็ถือว่ามีความพร้อมสมบูรณ์”
“สารัชถือว่าทำผลงานได้ดี และทำให้ทีมแข็งแกร่ง เราขาดสารัชไปแต่เราก็ได้อดุล มาทดแทน และในแผงกองกลางก็ยังมี ชาริล ชัปปุยส์, ปกเกล้า อนันต์ และ ประกิต ดีพร้อมด้วย เกมกับญี่ปุ่นก็ถือว่ายังสมบูรณ์”
“ญี่ปุ่นน่าจะเป็นทีมที่แทบไม่มีจุดอ่อนเลย แต่เราเล่นต่อหน้าแฟนบอล เราก็จะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้มีแต้ม แน่นอนเกมรุกและเกมรับของญี่ปุ่นแข็งแกร่ง แต่ทีมเราก็มีศักยภาพที่ดีพอ และพร้อมจะสู้เต็มที่ต่อหน้าแฟนบอล ทุกคนอยากทำเพื่อแฟนบอล อะไรก็เกิดขึ้นได้ในสนาม เราต้องการสร้างความกดดันให้กับญี่ปุ่น เพราะหากเขาแพ้เกมที่สอง เขาก็จะลำบาก แต่เราต้องการเจอกับทุกทีม เราวางแผนว่าเราจะทำให้คู่ต่อสู้เหน็ดเหนื่อยมากที่สุด ถ้าญี่ปุ่นประมาทหรือไม่สามารถเก็บแต้มได้ ความกดดันจะไปอยุ่ที่พวกเขา”
“เรื่องที่ผ่านมาก็เป็นอดีตไปแล้ว หลายสิ่งหลายอย่างก็เปลี่ยนไป คนละยุค คนละสมัย วิวัฒนาการฟุตบอลก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เกมนี้ก็เป็นเกมใหม่และผมหวังว่าเด็กจะทำผลงานได้ดี”
“ผมไม่มีความกลัวเลย เพราะว่าทีมชาติไทย อุ่นเครื่องกับเกาหลีใต้ เราแพ้แค่ 0-1 และเกมนั้นก็ไม่ได้มีนักเตะครบ เราเตรียมทีมมาค่อนข้างดี เราพัฒนาวงการฟตบอลทีละก้าว ทีละสเต็ป เราไม่ได้ซ้อมมาแค่ 3 วันหรือ 3 เดือน แต่เราซ้อมกันมา 3 ปี เราได้ลงเล่นในเวทีต่างๆทั้งซีเกมส์, เอเชียน เกมส์, ซูซูกิ คัพ ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก รอบที่ผ่านมาเป็นตัวพิสูจน์ และเป็นด่านทดสอบ ตอนนี้เราพร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว”
“จุดแข็งของเราก็คือไม่มีความกดดันเลย เพราะว่าเราเป็นทีมน้องใหม่ที่เข้ามาเล่นรอบนี้ ซึ่งแตกต่างจากหลายๆทีมที่เคยผ่านไปฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายมาแล้ว เกมของเราก็จะเล่นให้สนุก เราไม่ได้กดดันเลยที่แพ้เกมแรก มันก็แค่โอกาสที่ลดลงเท่านั้น ในแต่ละเกมถ้าเราพลาดเกิน 3-4 เกมโอกาสที่จะไปฟุตบอลโลกก็ยากขึ้น แต่เราจะพยายามทำเต็มร้อยในทุกๆเกม”
วาฮิด ฮาลิลฮ็อคซิช หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติญี่ปุ่น กล่าวว่า “เกมแรกต้องยอมรับว่า ญี่ปุ่นเสียใจมากกับผลการแข่งขัน แต่ตอนนี้ขวัญกำลังใจของนักเตะทุกคนกลับมาแล้ว เช่นเดียวกับทีมชาติไทย ผมคิดว่าทีมชาติไทยเองก็ทำผลงานได้ดีในเกมที่พบกับซาอุ และผมเชื่อว่ารูปเกมคงออกมาอีกแบบหากไม่ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น ส่วนสภาพความพร้อมตอนนี้ทุกคนก็ฟิตสมบูรณ์ และพร้อมจะโชว์ศักยภาพของทีมให้เห็นในเกมที่จะพบกับทีมชาติไทย”
“ผมรู้จักบรรยากาศของฟุตบอลที่ประเทศไทยเป็นอย่างดี พวกเขามีแฟนบอลที่ให้กำลังใจทีมชาติไทยมากมาย ทีมชาติไทยเองก็เป็นทีมที่เล่นได้เร็ว โดยเฉพาะการเล่นในบ้านที่เป็นจุดแข็ง แต่ญี่ปุ่นก็มีประสบการณ์ที่ต้องเล่นในเกมที่กดดันมากมาย และคิดว่าน่าจะรับมือได้ คิดว่านักเตะน่าจะมุ่งมั่น และจะทำให้ดีที่สุดเพื่อรับมือกับสถานการณ์แบบนี้”
“เกมที่ผ่านมา เกมการแข่งขันก็ไม่น่าพอใจ แต่หากดูจากสถิติเรามีโอกาสจบสกอร์มากมาย เราสร้างโอกาสทั้งหมด 25 ครั้ง ตรงกรอบ 17 ครั้ง แต่ทำได้แค่ประตูเดียว เห็นได้ชัดว่าพวกเราครองเกมได้เหนือกว่า แต่รูปเกมเหนือกว่าไม่ได้แปลว่าจะชนะเสมอไป ยูเออีมีโอกาสไม่มากและทำประตูเราจากลูกนิ่งทั้งสองลูก ผมไม่คิดที่จะตำหนินักเตะเลยแม้แต่น้อย และผมให้กำลังใจให้ผ่านไปให้ได้ และเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับเกมต่อไป”
“ผมมองทีมชาติไทยเป็นภาพรวมมากกว่าที่จะให้โฟกัสนักเตะเพียงแค่คนเดียว ที่ผ่านมา ผมก็ได้ศึกษาเกมการเล่นของทีมชาติไทยมาหลายนัด ก็พอรู้ว่าทีมชาติไทยมีเกมรุกและเกมรับยังไง ซึ่งผมก็คิดว่าทีมชาติไทยก็น่าศึกษาการเล่นของทีมชาติญี่ปุ่นมาหมดแล้วเช่นกัน แน่นอนเรื่องแท็คติกผมขออนุญาตไม่พูด แต่การมาที่นี่ผมไม่ได้มาเพื่อเล่นเกมรับ แต่จะมาเปิดเกมรุก และจะเป็นเกมรุกที่แม่นยำกว่าเกมก่อนหน้านี้”
“เกมแรกเราต้องเจอกับงานที่หนัก เพราะนักเตะหลายคนของเราค้าแข้งต่างประเทศและต้องเดินทางไกลทำให้มีความล้า ส่วนนักเตะในประเทศก็เพิ่งได้พักจากเกมลีกก็มีสภาพร่างกายไม่แตกต่างกัน และก็ยังขาดเรื่องความใจซึ่งกันและกัน แต่ตอนนี้พออยู่ด้วยกันนานๆ ความเข้าใจต่างๆก็เริ่มดีขึ้น หลังจากที่เราแพ้มาในเกมแรก เกมนี้จะเป็นการพิสูจน์แคแรคเตอร์ของญี่ปุ่นอีกครั้ง ซึ่งผมเชื่อว่าเราจะกลับมาทำได้ดีอีกครั้งแน่นอน”
ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 3 นัดที่ 2 ของกลุ่มบี ระหว่าง ไทย กับ ญี่ปุ่น จะแข่งขันกันที่ สนามราชมังคลากีฬาสถาน ในวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 19.15 น.
เครดิตภาพจาก : FA Thailand