ล่าสุด เมื่อวานที่ผ่านมา คณะนักเตะทีมชาติไทยได้เดินทางกลับจากประเทศอินโดนีเซีย ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย ด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ ทีจี433 โดยมี “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ให้การต้อนรับ
และ “ซิโก้” นายเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือทีมชาติไทย เปิดเผยว่า หลังจากนี้นักเตะไทยมีเวลาพักเพียง 1 วันเท่านั้น ซึ่งเป็นเวลาเล็กน้อยมาก จึงอาจจะไม่ฝึกซ้อมหนัก เพียงแต่จะเร่งฟื้นฟูสภาพร่างกายของนักเตะให้กลับมาสมบูรณ์โดยเร็วที่สุด ส่วนเรื่องของแท็กติกการเล่นเชื่อว่าทุกคนเข้าใจในการเล่นหลากหลายระบบอยู่แล้ว ไม่น่ามีปัญหาใดๆ
“เกมนัดแรกที่เราแพ้ให้กับอินโดนีเซีย นักเตะทุกคนรู้สึกผิดหวัง อีกทั้งมีบางส่วนถูกต่อว่าทางโลกโซเชียลฉะนั้นตอนนี้ทำอย่างไรให้นักเตะมีสภาพจิตใจที่ดีขึ้นมา ซึ่งผมได้บอกไปว่าฟุตบอลมีแพ้มีชนะ หากเรากลับมาชนะในบ้านได้ก็ไม่มีปัญหา แต่หากเรากลับมาแพ้ในบ้านด้วยก็ต้องยอมรับว่าตัวเองไม่ดีพอด้วย”ซิโก้กล่าว
และหัวหน้าฝึกสอนทีมชาติไทย ได้กล่าวต่อว่า แม้ว่าเกมแรกไทยจะแพ้มา แต่ก็ยังมีโอกาสในเกมวันที่ 17 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นนัดชี้ชะตาแชมป์ แน่นอนว่านักเตะทุกคนต้องการกำลังใจ ตนก็อยากรู้ว่าแฟนบอลยังหนุนหลังพวกเราอยู่หรือไม่ ถ้าหากมีแฟนบอลมาเชียร์กันเยอะๆ ก็จะช่วยเพิ่มกำลังใจให้กับนักเตะไทยอย่างมาก
“ผมไม่รู้ว่าสถิติที่ผ่านมาในการผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศของไทยเป็นอย่างไร แน่นอนว่าในปี 2014 ที่เราได้แชมป์ เพราะนักเตะไม่มีความกดดัน เนื่องจากเป็นสายเลือดใหม่ที่เราดันขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ แต่ตอนนี้พวกเขามีความกดดันเยอะมาก ทั้งผู้เล่นที่ไม่เคยได้ รวมถึงคนที่ต้องป้องกันแชมป์ ดังนั้นการกลับไปเล่นในบ้าน ผมจะไม่มองสถิติในรอบชิงชนะเลิศที่ผ่านมา ถึงเวลาที่นักเตะชุดนี้จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้เกิดขึ้นกับวงการฟุตบอลไทย” กุนซือมหาชนกล่าว
ส่วนผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกมที่ไทยพ่ายให้อินโดนีเซีย 1-2 “ซิโก้” ให้สัมภาษณ์สื่อทีวีทุกช่องของไทยที่เกาะติดรายงานข่าวที่ประเทศอินโดนีเซียว่า “การแพ้อินโดนีเซียเราเสียหาย แต่เราคิดว่าจริงๆ แล้วต้องไปชิงกันที่เมืองไทยอยู่ดี เดี๋ยวเราค่อยไปต้อนรับอินโดนีเซียหน่อย เพราะยังไงต้องเอาชนะ 1-0 และถ้าชนะ 1-0 ไม่ได้ก็รู้ตัวเองอยู่แล้วว่าต้องทำยังไง”
และทางด้าน “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ เปิดเผยว่า เตรียมที่จะมอบเงินอัดฉีดเพิ่มเติม จากเดิมที่ประกาศก่อนหน้านี้ไว้ว่าจะให้เงินอัดฉีด 17 ล้านบาท แก่ทีมชาติไทยหากคว้าแชมป์ซูซูกิ คัพ ได้สำเร็จ ซึ่งเงินดังกล่าวมากจากเงินรางวัลจากสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งอาเซียนประมาณ 7 ล้านบาท และจากสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย 10 ล้านบาท อย่างไรก็ตามอัดฉีดที่จะเพิ่มเติมมานั้น จะขอพูดคุยกับทีมชาติไทยเสียก่อน
และในขณะเดียวกันสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ประกาศจะมอบเงินรางวัลจำนวน 10,000 บาท ให้ให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ที่สามารถทำการจับกุม หรือประชาชนผู้แจ้งเบาะแสแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจจนนำไปสู่การจับกุมดำเนินคดีเกี่ยวกับการจำหน่ายตั๋วเข้าชมการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ นัดที่ 2 วันที่ 17 ธันวาคมนี้เกินราคาด้วย โดยประชาชน และแฟนบอลสามารถแจ้งเบาะแสการจำหน่ายตั๋วเกินราคาได้ที่จุดกองอำนวย บริเวณหน้าอินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก รอให้กำลังแรงเชียร์แรงใจกันได้เลยค่ะ