“สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี โชว์ฟอร์มสุดเฉียบในศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก หลังบุกไปไล่ถล่ม “ยูงทอง” ลีดส์ ยูไนเต็ด ได้ถึง เอลแลนด์ โร้ด 0-3
เกมนี้ โธมัส ทูเคิ่ล กุนซือ เชลซี มีการปรับทัพบางตำแหน่ง โดยแนวรุกให้ โรเมลู ลูกากู ลงไปยืนเป็นกองหน้าตัวเป้าเพื่อประสานงานกับ คริสเตียน พูลิซิช และ เมสัน เมาท์
ด้านเจ้าบ้าน ลีดส์ ยูไนเต็ด ของกุนซือ เจสซี่ มาร์ช ยังคงให้พวกแข้งหลักลงสนามเกือบทั้งหมด นำทัพโดย คัลวิน ฟิลลิปส์, ราฟินญ่า, โรดริโก้ โมเรโน่ และ ดาเนียล เจมส์
เริ่มเกมไปเพียงแค่ 4 นาที เชลซี ขึ้นนำไปก่อนอย่างรวดเร็วจากจังหวะที่ รีซ เจมส์ ลากบอลตะลุยเข้าไปในกรอบเขตโทษ และตบคืนหลังให้ เมสัน เมาท์ วิ่งขึ้นมาซัดบอลผ่านมือ อิลลาน เมสลิเย่ร์ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่นแบบเสียบสามเหลี่ยมไปเลย หลังจากนั้น ลีดส์ ยูไนเต็ด เหลือผู้เล่นเพียง 10 คน เนื่องจาก ดาเนียล เจมส์ กองหน้าเจ้าถิ่นเข้าเสียบสกัดใส่ มาเตโอ โควาซิช แบบน่าเกลียด ทำให้ แอนโธนี่ เทย์เลอรื ผู้ตัดสินในนัดนี้ควักใบแดงไล่ออกจากสนามไปเลยในนาที 24 และจบครึ่งแรก “สิงโตน้ำเงินคราม” เป็นฝ่ายออกนำ 1-0 เข้าสู่ครึ่งหลัง เชลซี หนีห่างไปเป็น 2-0 ในนาทีที่ 55 จากจังหวะที่ จอร์จินโญ่ จ่ายบอลไปให้กับ เมสัน เมาท์ ดีดบอลด้วยส้นเท้าไปให้กับ คริสเตียน พูลิซิช ปั่นลูกเรียดเสียบเสาเข้าไปเลย หลังจากนั้นทีมเยือนมาได้ประตูปิดท้ายจากความผิดพลาดของนักเตะเจ้าบ้านที่เสียบอลตรงกลางสนาม และเป็น ฮาคิม ซีเย็ค จ่ายบอลเข้ากลางให้ โรเมลู ลูกากู จับบอลห่างเท้าอยู่พอสมควร แต่ยังสามารถหลอกล่อแนวรับของ “ยูงทอง” เพื่อหาจังหวะซัดบอลเข้าไปตุงตาข่ายได้สำเร็จ
หมดเวลาการแข่งขัน เชลซี เป็นฝ่ายชนะ 3-0 จึงยังคงรั้งอั้นดับ 3 แข่ง 36 นัด มี 70 คะแนน หนีห่าง “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ที่มอันดับ 4 ที่ไล่ตามมาแบบติดๆ เพิ่มเป็น 4 คะแนน และลงเตะมากกว่าหนึ่งเกมด้วย ส่วน ลีดส์ ยูไนเต็ด ยังคงอยู่ในโซนตกชั้นอันดับ 18 แข่ง 36 นัด มี 34 คะแนน เท่ากับ เบิร์นลีย์ ทีมอันดับ 17 ในพื้นที่รอดตาย แต่มีผลต่างประตูได้เสียน้อยกว่ามากถึง 21 ลูก และลงเตะมากกว่าหนึ่งเกมด้วย สำหรับนัดต่อไป เชลซี มีเกมสำคัญรออยู่ เพราะจะต้องเผชิญหน้ากับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ในศึกฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ คืนวันที่ 14 พ.ค.นี้