นับถอยหลังอีกไม่ถึงหนึ่งเดือน การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2016 รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ที่ประเทศเวียดนาม จะเริ่มขึ้นเมื่อปีก่อน ทัพช้างศึกชุดนี้ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมหลังสามารถคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จโดยมีสถิติชนะรวดตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มจนถึงรอบชิงชนะเลิศ รวมถึงในศึกชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือกเมื่อปีก่อน ที่ทีมก็สามารถผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายที่ประเทศบาห์เรนได้สำเร็จ
โดยล่าสุด เฉลิมวุฒิ สง่าพล อดีตกองกลางทีมชาติไทย ที่ก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน ได้เดินทางไปพร้อมกับทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ นำโดย พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ในการศึกษางานจากสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น ซึ่งได้ดูทีมในรุ่นเดียวกันอย่าง ทีมชาติญี่ปุ่นรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ที่ลงเล่นเกมอุ่นเครื่องเพื่อเตรียมทีมสำหรับศึกชิงแชมป์เอเชีย
“ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ท่านนายกสมาคมฯ (พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง) ได้ให้โค้ชทีมชาติทุกชุดไปสังเกตการณ์ การทำงานของสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น” เฉลิมวุฒิ ให้สัมภาษณ์ “เพราะโดยส่วนตัวแล้ว สมัยที่ผมเป็นนักฟุตบอล ระดับของฟุตบอลไทยกับฟุตบอลญี่ปุ่นนั้นไม่ห่างกันมาก แต่พอหลังจากนั้นญี่ปุ่นห่างกับเราถึง 3-4 สเต็ป”
“ญี่ปุ่นเขามีโครงสร้างวางแผนสิบปีไปบอลโลก เมื่อยี่สิบปีก่อน และหลายคนก็รู้สึกว่าเป็นความจริงที่ยากเพราะตอนนั้นเขาก็ระดับเดียวกับเรา แต่สุดท้ายพวกเขาก็ไปฟุตบอลโลกได้สำเร็จ นั่นคือสิ่งที่เราต้องเรียนรู้ว่าพวกเขาทำอย่างไร จัดการอย่างไร ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่ดี”“หากเราไปดูอังกฤษ หรือ เยอรมัน, บราซิล ผมคิดว่าฟุตบอลระดับนั้นห่างกับเราเกินไป แต่กับญี่ปุ่นเขายังไม่ได้ห่างกับเรามากเกินไป เราได้เรียนรู้อะไรมากมายทั้งในระดับพื้นฐาน ทั้งจากสโมสรในลีกหรือทีมชาติ ซึ่งต้องบอกเลยว่าทุกสิ่งรอบญี่ปุ่นนั้นไม่แตกต่างจากไทย รูปร่างนักเตะ ความเป็นอยู่ก็เหมือนกัน แต่สุดท้ายมันก็มีความแตกต่าง”
“แต่เราไม่คิดที่จะลอกเลียนแบบญี่ปุ่นเพื่อที่จะก้าวไปอยู่ในระดับเดียวกับเขา แต่เราลอกเลียนเขา และต้องเก่งกว่าเขาให้ได้” “สำหรับทัวร์นาเมนต์หลังจากนี้ โฟกัสหลักของเราคือชิงแชมป์เอเชีย เพราะรายการนี้จะทำให้นักเตะเยาวชนของเรามีโอกาสไปฟุตบอลโลก ซึ่งจะทำให้เด็กของเรามีความสามารถ มีประสบการณ์ และจะทำให้เด็กไทยหลายคน หรือแฟนบอลต่างมั่นใจว่าเราสู้กับทีมระดับเอเชียได้ ซึ่งนักเตะเหล่านี้จะโตขึ้นไปเป็นนักเตะชุดใหญ่ในที่สุด ซึ่งพวกเขาก็จะไม่กลัวนักเตะในเอเชียอีกเลย”
“ผมมั่นใจว่าเราจะไปฟุตบอลโลกได้ นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ผมอยากโฟกัสตรงชิงแชมป์เอเชียเป็นหลัก แต่ในชิงแชมป์อาเซียนเราก็จะไม่ทิ้งเช่นกัน เราต้องพัฒนาเพื่อแสดงว่าเราเหนือกว่า คือเอาชนะหรือเป็นแชมป์ แต่หากพลาดเราก็ต้องรีบแก้ไขข้อผิดพลาดทั้งหมดให้ได้ เพราะสิ่งสำคัญสำหรับทีมชาติไทยคือเราต้องปลูกฝัง ไม่ว่าจะเป็นการซ้อมหรือการแข่งขัน เราจะต้องอยากชนะทุกครั้งที่ต้องทำหน้าที่ ซึ่งนี่ถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญของเยาวชน”
ฟุตบอลชายทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี มีโปรแกรมลงแข่งขันฟุตบอลสี่เส้า ที่เมือง มัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา ระหว่างวันที่ 22-28 สิงหาคม พ.ศ. 2559 ต่อด้วยการป้องกันแชมป์อาเซียน (AFF Youth U-19 Championship) ที่ประเทศเวียดนาม ระหว่างวันที่ 11-24 กันยายน พ.ศ. 2559 และปิดท้ายด้วยการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย (AFC U-19 Championship) ที่ประเทศบาห์เรน ระหว่างวันที่ 13-30 ตุลาคม พ.ศ. 2559
เครดิตที่มา : https://fathailand.org/archives/6739