เจ้าของทีม สมุทรปราการ ซิตี้ ชี้แจงเรื่องดราม่า ระหว่างสโมสร กับ กิตติไกร จันทะรักษา พร้อมยืนยันว่าเคลียร์จบแล้ว
สัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา ยืนยันว่า เรื่องระหว่าง กิตติไกร จันทะรักษา กับ สมุทรปราการ ซิตี้ ตอนนี้เคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว
ทั้งสองฝ่าย ต่างออกมาโพสต์โจมตีกัน ในเรื่องของค่าเหนื่อยและหนี้สินระหว่างตัวนักเตะกับสโมสร
ล่าสุดเดอะ บิ๊ก ได้โพสต์ว่า “ผมขอใช้พื้นที่ตรงนี้ อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นกับ น้องนิว กิตติไกร และสโมสรฟุตบอลสมุทรปราการ ซิตี้ เพื่อจะให้ทุกคนได้รับรู้และเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น แบบสรุปเรื่องเลยนะครับ และหลังจาก post ของผมนี้แล้ว ผมจะขออนุญาต “ยุติ” เรื่องราวทั้งหมด แต่เพียงเท่านี้ด้วยครับ เหตุการณ์เริ่มต้น ตั้งแต่ช่วงเลค 2 ปี 2565 ที่ผ่านมา น้องนิว ได้ย้ายเข้ามาร่วมทีมสมุทรปราการ ซิตี้ ในเวลาต่อมา น้องได้ปรึกษากับ ผจก ทีม คือ คุณปาย ถึงเรื่องปัญหาชีวิตส่วนตัวของน้องเองปัญหาหลักของน้อง คือ เรื่องหนี้สินที่เกิดขึ้นจากปัญหาส่วนตัว โดยเฉพาะเรื่องการเสียเงินจากการพนัน (ขออนุญาตต้องใช้คำนี้แต่ผมเลี่ยงไปใช้คำอื่นไม่ได้จริงๆ)”
“และเพราะเหตุที่กล่าวมานี้ ทำให้น้องต้องไปหาเงินกู้ยืมนอกระบบ ซึ่งมีดอกเบี้ยในอัตราที่สูงมาก เท่าที่ทราบ คือ ร้อยละ 10-20 ต่อเดือน และจากจุดเริ่มต้น ที่ทาง ผจก ทีม คือ คุณปาย ได้เริ่มให้การช่วยเหลือทางการเงินแก่น้องนิว ต่อมา เจ้าหนี้เกือบทุกรายของน้องจึงได้ติดต่อหาคุณปายโดยตรง โดยมีข้อแม้เดียวระหว่าง ผจก ทีม และน้องนิว คือ น้องต้องเลิกยุ่งเกี่ยวกับสิ่งไม่ดีเหล่านี้เสียทั้งหมด และเมื่อน้องนิวรับปาก ให้คำมั่นว่า เลิกแล้วครับ ทางสโมสรฯ จึงได้ช่วยเหลือน้องมาโดยตลอด ไม่ว่าจะในฐานะนักกีฬาหรือพี่น้องจวบจนถึงวันหนึ่งที่ยอดหนี้สินได้รับการจ่ายคืนไปจนเกือบจะครบถ้วนตามที่น้องได้เคยแจ้งไว้ แต่มีเจ้าหนี้รายใหม่โผล่มา พร้อมกับยอดเงินอีกจำนวนหนึ่ง เพียงแต่คราวนี้ ทาง ผจก ทีม ขอปฏิเสธเรื่องการชำระหนี้ เพราะน้องแจ้งว่า เงินต้น 30,000 บาท แต่ทางเจ้าหนี้แจ้งมาว่า 50,000 บาท เมื่อไม่ได้ข้อสรุป และ ทางน้องนิวได้แจ้งทางสโมสรฯ ขอยกเลิกสัญญา ด้วยเหตุผลส่วนตัว ผมเองจึงได้อนุญาตให้น้องไปได้ เพียงแต่ เหตุการณ์กลับตาลปัตร เมื่อน้องทวงถามกลับมาถึงเรื่องเงินเดือนที่ทางสโมสรฯ ค้างชำระกับน้องอยู่เป็นจำนวน 1 แสนกว่าบาท เพราะทาง ผจก ทีม ได้อธิบายให้น้องฟังไปแล้วว่าจะต้องหักกลบลบหนี้กับเงินที่น้องได้ขอหยิบยืมไปก่อนหน้านี้ ซึ่งเมื่อคำนวณดูแล้ว น้องยังคงต้องชำระเงินคืนให้แก่ทางสโมสรฯ อีกมากกว่า 1.5 แสนบาท และเพราะทางฝั่งเจ้าหนี้รายนี้ ยังคงโทรมาทวงหนี้กับทาง ผจก ทีม อยู่เกือบทุกวัน หนักข้อเข้าถึงขั้นพูดจาไม่ดีและให้ร้ายแก่ทางสโมสรฯ”
“ด้วยเหตุนี้เอง ทาง ผจก ทีม จึงได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้เพื่อเป็นหลักฐาน โดยมิได้ร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีทั้งทางอาญาและทางแพ่งกับน้องนิวแต่อย่างใด เพราะเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับน้องและครอบครัว เพียงแต่ในมุมของสโมสรฯ ในฐานะนิติบุคคลที่จะต้องขับเคลื่อนต่อไปและต้องดูแลคนอีกหลายสิบชีวิตแล้ว การถูกให้ร้ายและการถูกบรรดาเจ้าหนี้นอกระบบที่ไม่เคารพกฎหมายมาข่มขู่คุกคาม ทำให้ทางสโมสรฯ โดยผู้บริหารทีม จึงไม่มีทางเลือกมากนัก สุดท้ายนี้ ผมเองในฐานะ 1 ในผู้บริหารทีมสโมสรฟุตบอลสมุทรปราการ ซิตี้ ได้มีการพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจกับน้องนิว เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเข้าใจถูกต้องตรงกันว่าเรื่องราวทั้งหมดคืออะไรและควรจะยุติลงตรงไหน”
“ด้วยเหตุที่ได้อธิบายมาทั้งหมดนี้เอง.. ผมในฐานะประธานฝ่ายบริหารสโมสรฟุตบอลสมุทรปราการ ซิตี้ ขอประกาศยุติเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดอย่างเป็นทางการ เพื่อรักษาไว้ซึ่ง ชื่อเสียงและตราสัญลักษณ์ของสโมสรฯ เพราะสโมสรฟุตบอลแห่งนี้ ยิ่งใหญ่เกินกว่าใครจะมาเหยียบย่ำและลบหลู่ดูหมิ่นได้ และถ้าภายหลังจาก post นี้ จะยังมีผู้ไม่ประสงค์ดี ไม่ว่าใคร จะนำเรื่องนี้ไปต่อยอดหรือสร้างเรื่องใหม่ๆ ขึ้นมาอีก โดยเฉพาะพวกเจ้าหนี้นอกระบบและ/ หรือ พวกโต๊ะพนันต่างๆ.. ผมขอประกาศว่า สโมสรฯ ไม่เคยสนับสนุนและยุ่งเกี่ยวกับสิ่งไม่ดีและผิดศีลธรรมเหล่านี้ ทั้งทางตรงและทางอ้อม และจะได้ดำเนินการทางกฎหมายโดยเด็ดขาดในทุกกรณีที่จะเกิดขึ้นต่อไปโดยไม่มีการยอมความ ด้วยความเคารพ นายสัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา วันที่ 27 ธันวาคม 2566 เวลา 17.00 น. หมายเหตุ: 1. ผมขอยกหนี้สินที่มีระหว่างน้องนิวกับสโมสรฯ ให้น้องและครอบครัวครับ2. จากใจจริง เหตุการณ์ประเภทนี้ ผมไม่เคยอยากจะเข้าไปยุ่งนะครับ.. “หยิกเล็บก็เจ็บเนื้อ” ครับ”