ข่าวฟุตบอล ไทยลีกเจ็บจนต้องลา นิว แข้งโต๊ะเล็กกูปรีอำลา สานธุรกิจที่บ้าน
เจ็บจนต้องลา
เจ็บจนต้องลา
ภากร สามิภักดิ์

เจ็บจนต้องลา “นิว” ภากร สามิภักดิ์  แข้งโต๊ะเล็ก “กูปรีปราสาทขอม ” ศรีสะเกษ ฟุตซอลคลับ ที่เบนสานธุรกิจสิบล้านครอบครัว

“ความจริงความฝันต่างกันแค่ไหน…” เรื่องราวนี้น่าจะสอดคล้องกับเรื่องราวของนักเตะลูกหม้อของ “กูปรีปราสาทขอม” ศรีสะเกษ ฟุตซอลคลับ นามว่า “เจ้านิว” ภากร สามิภักดิ์ ที่อยู่โยงสวมเสื้อหมายเลข 28 ลงรับใช้สโมสรมายาวนานกว่า 5 ซีซั่น รวมถึงก่อนหน้านั้นยังถือเป็นกำลังสำคัญในการปลุกกระแสกีฬาฟุตซอลของจังหวัดศรีสะเกษ ตั้งแต่สมัยเป็นผู้เล่นเยาวชนจังหวัด
ในยุคเริ่มต้นทำทีมฟุตซอลให้เป็นที่รู้จักของคนเมืองดอกลำดวน ภายใต้การส่งเสริมของสองพี่น้องที่ชื่นชอบกีฬาเป็นทุนเดิมอย่าง ดร.สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ หรือ “เฮียโต้ง” ที่ชาวศรีสะเกษเรียกกันติดปาก และ สจ.ต้อม รัฐวิทย์ อังคสกุลเกียรติ ผนึกแรงกายแรงใจกับ “เฮียตี๋” สท.สฤษดิ์ นาควารินทร์ ซึ่งทั้งสามประสานพยายามหล่อรวมเด็กๆที่คลั่งลูกหนังโต๊ะเล็กสมัยบอลนักเรียนมาสร้างคลับลูกหนังแห่งความหวัง จนก่อเกิดเป็นศรีสะเกษ ฟุตซอลคลับ ขึ้นเมื่อหลายปีก่อน
เด็กหน้าตี๋แนวเกาหลีอย่าง “เจ้านิว” ถือเป็นอีกหนึ่งขุนพลให้ยุคบุกเบิก พร้อมกับอีกหลายๆคนที่ปัจจุบันโลดแล่นอยู่ในเวทีฟุตซอลไทยลีก ไม่ว่าจะเป็น อนุชา หอมเสน , วัชรินทร์ นมัสการ และจิราธิวัฒน์ สิงห์วงษา ซึ่งทั้งหมดนำความสำเร็จแรกมาสู่จังหวัดด้วยการคว้าแชมป์กีฬาแห่งชาติ รอบคัดเลือกภาคอีสาน ก่อนก้าวไปซิวเหรียญเงินระดับประเทศ ในเชียงใหม่เกมส์
ในขณะเดียวกันศรีสะเกษก็ได้มีทีมฟุตซอลอาชีพขึ้น และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของสโมสรศรีปทุม ซันไรท์ ศรีสะเกษ โดยเป็นการจับมือกันของ ม.ศรีปทุม และศรีสะเกษ ฟุตซอลคลับ ซึ่งเพียงปีแรกชื่อของ “เจ้านิว” ก็เข้าไปอยู่ในสารบบของโต๊ะเล็กอาชีพเป็นต้นมา และถือเป็นกำลังสำคัญและตัวแทนลูกหลานเมืองดอกลำดวนในการก้าวไปค้าแข้งในเวทีดังกล่าว
หลังลงกรำศึกในเวทีที่เขี้ยวลากดินเพียง 2 ปี นักเตะหน้าตี๋ก็ประสบปัญหาอาการบาดเจ็บเข่าเล่นงาน จนต้องเข้าโรงหมอเป็นพักๆ เพื่อรักษาให้กลับมาเล่นได้ปกติ ซึ่งต้องบอกว่าอาการบาดเจ็บนี้เริ่มเสมือนเป็นเงาตามตัว ที่เดียวเจ็บเดี๋ยวหายมาตลอด แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาย่อท้อ และพยายามต่อสู้กับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ในช่วงที่ศรีสะเกษ ฟุตซอลคลับ มีการเปลี่ยนแปลงทีมซึ่งก็ได้ส่งทีมเข้าแข่งขัน ดิวิชั่น 1 ซึ่งเป็นสโมสรที่ใช้ทรัพยากรนักเตะจากศรีสะเกษแทบทั้งหมด กลับทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมคว้าโควต้าเลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุดได้สำเร็จ และในเวทีเอไอเอส ฟุตซอลไทยลีก 2017 นี่เอง “เจ้านิว” ก็ถือเป็นกำลังสำคัญของสโมสรมาตลอด
อีกเรื่องราวหลังจากขึ้นไทยลีกสำเร็จของ “เจ้านิว” ต้องบอกว่าน่าชื่นชมอย่างยิ่ง เพราะเจ้าตัวยอมลดค่าเหนื่อยของตนเองกับทางสโมสรลงจากหลักหมื่นมาอยู่ในเรทหลักพัน เพราะต้องการช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายสโมสรและนำเงินส่วนต่างดังกล่าวไปจ้างนักเตะดีๆมาช่วยทีมให้อยู่รอดปลอดภัยบนเวทีสุดหินนี้
อย่างไรก็ตามเสมือนฟ้าชอบเล่นตลก เมื่อเพียงแค่เลกแรกที่ แข้งเบอร์ 28 ของ “กูปรีปราสาทขอม” ลงรับใช้สโมสร เขาก็โดนอาการบาดเจ็บเล่นงานที่เข่าอีกข้าง ซึ่งภายหลังแพทย์ให้ความเห็นว่า เอ็นไขว้หน้าฉีกขาด ซึ่งคงจะกลับไปโชว์สเต็ปโต๊ะเล็กอีกไม่ได้แล้ว
นั่นถึงกับทำให้ดาวเตะวัย 28 กะรัต ถึงกับคอตก ก่อนจะได้แจ้งปรึกษาทางสโมสรฯ และตัดสินใจยุติบทบาทผู้เล่นของทีมแบบจำใจยอมรับกับโชคชะตา ซึ่งแม้ในเลก 2 จะไม่ได้เห็นเขาลงสนามช่วยทีม แต่ทว่าเจ้าตัวก็ยังมาคอยให้กำลังใจทีมรักในฐานะแฟนบอลบนอัฒจรรย์ในทุกๆนัดที่แข่งในบ้าน
แม้ชื่อของ ภากร สามิภักดิ์ จะไม่ได้อยู่ในลำดับต้นๆของแข้งฟุตซอลไทย แต่สำหรับแฟนคลับของ “กูปรีปราสาทขอม” ถือว่าแข้งหน้าตี๋เป็นขวัญใจสุดฮอตของแฟนๆ ที่สร้างผลงานดีในสนาม และวางตัวดีนอกสังเวียน
อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นเหมือนเป็นเรื่องร้ายๆที่ส่งผลดีกับเขาและครอบครัว เมื่อจะได้ผู้บริหารดาวรุ่งกลับมาสานต่อธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่พ่อแม่หวังจะได้พึ่งเขาเป็นหลักของบ้าน ซึ่งในช่วงระหว่างเป็นนักเตะ “เจ้านิว” ก็แบ่งเวลาก่อนฝึกซ้อมช่วง 8 โมงเช้า – 4 โมงเย็น คุมงานให้ครอบครัว ก่อนจะแว๊นซ์รถไปซ้อมกับทีมในทุกๆวัน
โดยเร็วๆนี้ หลังจากที่เวลาทั้งหมดจากการเป็นนักเตะอาชีพกลับมา เจ้าตัวเตรียมผุดธุรกิจของตนเอง ด้วยการผลิตอิฐบล็อก เสาปูน ขยายกิจการครอบครัวเป็นอาณาจักรที่เติบโตขึ้น ซึ่งเขาก็พร้อมจะหวนกลับมาช่วยสนับสนุนสโมสรที่ตนเองรักและผูกพันในอนาคตจากธุรกิจของเขาเอง
ในงานอำลาสโมสรฯ ที่ทาง ดร.สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ประธานสโมสรศรีสะเกษ ฟุตซอลคลับ จัดให้เขาไประหว่างพักครึ่งที่เปิดบ้านพบ พีทีที บลูเวฟ ชลบุรี เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมานั้น ดาวเตะหน้าหล่อถึงกับกลั้นน้ำตาแห่งความตื้นตันใจไว้ไม่อยู่ พร้อมกล่าวขอบคุณผู้บริหารและทุกส่วนที่เกี่ยวข้องว่า
” ขอบคุณเฮียโต้ง , เฮียต้อม และเฮียตี๋ ที่สร้างสโมสรฟุตซอลของจังหวัดศรีสะเกษขึ้นมา รวมถึงโค้ชเฟ้น อ.เต้ย ที่เป็นทั้งพี่เป็นทั้งโค้ชสอนผมตั้งแต่ปีแรกที่ได้เล่นให้ศรีสะเกษ ขอบคุณครอบครัวและคุณแฟน ที่อนุญาติให้เตะบอลได้ เพราะไม่มีใครอยากให้ผมเตะเลย ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้รับใช้สโมสรนี้มาพอสมควร ได้ร่วมงานกับนักเตะเก่งๆ รวมถึงโค้ชเก่งๆ ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ให้เราได้พัฒนาตัวเอง ถีบตัวเองขึ้นไป ยกระดับตัวเองขึ้นไป ผมจะคิดถึงความทรงจำนี้ตลอดไป”

นี่คือ เรื่องราวของ นักเตะอีกรายหนึ่งที่นับเป็นคนในครอบครัวของฟุตซอล ที่ปัจจุบันอาจจะไม่ได้ทำหน้าที่ผู้เล่นให้เราได้ติดตาม แต่ปรับเปลี่ยนไปเป็นผู้ชมและผู้สนับสนุนในวันที่โอกาสและสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยให้ใช้วิถีทางแบบเดิมๆ
ยังไงก็อย่าทอดทิ้งครอบครัวฟุตซอลกัน
และฝากไปยังคนที่ยังมีโอกาส ขอให้ทำความฝันของเราให้ดีที่สุดเมื่อยังมีโอกาส
เพราะเมื่อโอกาสไม่เอื้ออำนวยขึ้นมา จะย้อนเวลากลับไป ก็ทำไม่ได้อีกแล้ว
คนเราไม่ได้โชคดีไปตลอดชีวิต

ข้อมูล  Futsal Thailand – ฟุตซอลไทยแลนด์