เจมี่ คาร์ราเกอร์ เชื่อ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยุคนี้แข็งแกร่งเบอร์ต้นๆ ของยุโรป ดีพอที่จะมีอย่างน้อย 1 ทีมผ่านเข้าชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก ทุกปี
เจมี่ คาร์ราเกอร์ ชี้ว่าคือการปลดแอกจากร่มเงาของ ลา ลีกา สเปน เพราะหากย้อนไปเมื่อทศวรรษก่อนนั้น เรอัล มาดริด, บาร์เซโลน่า, แอตฯ มาดริด สลับหน้าเข้าชิงฯ ชปล. จนช้ำ
ซึ่งเกมชิงชนะเลิศ ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก 2021 คือการพบกันของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ เชลซี สองค่ายเมืองผู้ดี ถือเป็นสองในรอบ 3 ปีต่อจากคู่ชิงฯ 2019 ที่สโมสรอังกฤษเจอกันเองหนนั้น ลิเวอร์พูล ปราบ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ 2-0
“ผมคิดว่าความรู้สึกที่มีต่อผจก.ทีมอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า, เจอร์เก้น คล็อปป์ หรือ โธมัส ทูเคิ่ล มันคือซูฮกฝีมือเพราะต่างพาทีมเข้าชิงฯฟุตบอลยุโรปกันแล้ว แล้วทุกต้นสังกัดของพวกเขาหเหล่านั้นก็เชื่อว่าตัวเองเป็นแชมป์ได้เพราะกึ๋นกุนซือ” คาร์ราเกอร์ กล่าวผ่านรายการ มันเดย์ ไนท์ ฟุตบอล
“ส่วนตัวคิดว่านี่แค่จุดเริ่มต้นครองความยิ่งใหญ่ระดับทวีปของ แมนฯ ซิตี้ โดยเฉพาะ พวกเขามาถึงนัดชิงฯสักที ส่วนเรื่องต่อยอดถึงแชมป์ได้หรือไม่นั้นก็รอดูอีกที แต่ที่แน่ๆพวกเขาได้สัมผัสความรู้สึกของผู้เข้าชิงฯ จากนี้ต่อไปคงจับทางฝ่าฟันเข้าไปได้ปีแล้วปีเล่า”
“จะเป็นทีมไหนก็ตามของอังกฤษควรผ่านเข้าชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก ในทุกๆปีเพราะเงินลงทุนที่ทุ่มไป ผนวจกับได้โค้ชฝีมือเจ๋งกุมบังเหียน เราเคยมียุคทองระหว่างปี 2005-12 ซึ่งตอนนั้นแต่ละค่ายยุโรปก็มีสุดยอดผจก.ทีมเช่นกัน”
ด้าน แกรี่ เนวิลล์ คู่วิเคราะห์ก็ชื่นชมกุนซือลีกผู้ดีโดยเฉพาะ ทูเคิ่ล เพราะพลิกฟื้น เชลซี ชัดเจน แล้วก็ไม่ใช่โค้ชฟลุ๊คเพราะซีซั่นก่อนก็พา ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เข้าชิงฯ ชปล.
กลางทศวรรษ 2000 ต่อเนื่องต้นทศวรรษ 2010 ระหว่างปี 2005 -2012 สโมสรอังกฤษสลับหน้าเข้าชิงฯ ชปล.แล้วก็ได้แชมป์ทั้ง ลิเวอร์พูล โดย ราฟาเอล เบนีเตซ, แมนฯ ยูไนเต็ด ของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และ เชลซี จากกุนซือขัดตาทัพ โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ