ชาญวิทย์ ผลชีวิน อดีตคู่แข่งนายกสมาคมฟุตบอลฯ แจงประเด็นการเปลี่ยนโค้ชทีมชาติไทยยังไม่ใช้สิ่งแรกที่ควรทำ ชี้โจทย์ของสมาคมฟุตบอลฯ ควรหาวิธีพัฒนาศักยภาพนักเตะไทยให้เทียบเท่าเอเชียก่อน
ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฟุตบอลฯ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าเป็นไปได้ทั้งต่อและไม่ต่อสัญญา เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ที่กำลังจะหมดสัญญาในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้ พร้อมย้อนถามแฟนบอลและผู้สื่อข่าวว่าไม่อยากเห็นฟุตบอลไทยพัฒนาไปไกลกว่านี้ หรืออยากจะได้เพียงแชมป์อาเซียน กระทั้งล่าสุดผู้สื่อข่าวได้สอบถาม “อ.หรั่ง” ชาญวิทย์ ผลชีวิน ถึงประเด็นดังกล่าว โดยออกมากกล่าวว่า
“จริงๆผมกับท่านสมยศไม่มีความขัดแย้งใดๆต่อกัน ส่วนตัวเราไม่มีอะไรกัน หลังการแข่งขันเลือกตั้งนายกสมาคมจบไปก็จบไปแล้ว” “อ.หรั่ง” กล่าวนำ
“เรื่องการเปลี่ยน “โค้ชซิโก้” โค้ชทีมชาติไทยถือว่าเป็นเรื่องที่นายกสมาคมในชุดนี้ตอบยาก เพราะผมก็เคยอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มาแล้ว ขณะนั้นผมได้โค้ชยอดเยี่ยมของเอเชีย และผมก็พาทีมคว้าแชมป์ซีเกมส์อะไรมาหมดแล้ว แฟนบอลส่วนหนึ่งก็บอกว่าเปลี่ยนได้แล้ว เพราะว่าโค้ชไทยก็อยู่ได้แค่นี้ พูดตามภาษาเราก็เหมือนดูถูกกัน แล้วผมก็ถามว่าถ้าเปลี่ยนโค้ชฝรั่งมาแล้วคิดว่าจะดีกว่าโค้ชไทยจริงหรือ”
“หลังจากนั้นก็มาเป็นโค้ชไบรอัน ร็อบสัน และสตีป ดาร์บี้ ปรากฎว่าตกรอบแรกที่ซีเกมส์อันนี้เป็นจุดหนึ่งที่ผมเสนอเป็นแนวคิด ถ้าเอาโค้ชต่างชาติมาแล้วไทยได้ไปบอลโลก ก็เอามาเลยครับ ผมก็อยากเห็นไทยไปผงาดแบบนั้นเหมือนกัน แต่สิ่งที่มันเป็นยุทธศาสตร์จากที่ทำงานกันมา 20-30 ปี ผมบอกเลยสิ่งแรกที่เราจะต้องพัฒนาครับ ไม่ใช่การเปลี่ยนโค้ชทีมชาติครับ แต่เราต้องพัฒนาศักยภาพของนักฟุตบอลไทยยังไง ให้ก้าวสู่ระดับเอเชียครับอันนี้เรื่องใหญ่กว่า เราจะทำยังไง”
“ลองนึกดูทีมชาติไทยในชุดปัจจุบันนี้ใครเล่นระดับเอเชียได้บ้าง เห็นภาพกันยังครับ พอเล่นระดับเอเชียไม่ได้ เอาโค้ชที่ไหนมาทำก็ทำลำบากครับ ภายในระยะเวลา 1-2 ปีจะมาพัฒนาเด็กเราให้ก้าวสู่ระดับเอเชีย ส่วนตัวผมนะครับผมไม่เชื่อ เพราะเราพิสูจน์กันมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว และโค้ชต่างชาติเหล่านี้เงินเดือนแพงมากครับ พอเราไล่เขาออกเขาก็ยังได้เงินชดเชย 6 เดือน ส่วนโค้ชไทยก็ต้องมานั่งนับหนึ่งกันใหม่ แต่ถ้านายกสมาคมฟุตบอลจะเปลี่ยนวิสัยทัศน์ก็ไม่มีใครว่า เพราะท่านเป็นผู้บริหารมือหนึ่งในยุคนี้”
“แต่ผมขอยกตัวอย่างแค่ 11 ตัวแรกทีมชาติไทย เล่นในระดับเอเชียได้กี่คน แล้วที่เหลือละครับ นี้ละครับคือสิ่งที่เราจะต้องพัฒนา แต่จะพัฒนาชุดนี้มันมีเวลาแค่ไม่กี่เดือน ถ้าโค้ชใหม่เข้ามาทำไม่ดีเราด็ต้องเปลี่ยนโค้ชใหม่อีก เรามานั่งนับหนึ่งใหม่อีกครับ เราเจอปัญหาแบบนี้กันมาตลอด 20-30 ปีที่ผ่านมา ถ้าจะเอาโค้ชเบอร์หนึ่งมาแต่ก็ต้องมีผู้ช่วย และคิดดูว่าจะเป็นใครครับก็ต้องเป็นโค้ชซิโก้ไม่อย่างนั้นก็ต้องนั่งนับหนึ่งกันใหม่อีก” “อ.หรั่ง” กล่าวทิ้งท้าย
อ่านต่อ : https://sport.mthai.com/football-thai/287785.html
ข้อมูลจาก : sport.mthai