ข่าวฟุตบอล ไทยลีกออสก้า คาห์ล เผยชีวิต 8 เดือน กับการเล่นฟุตบอลในเมืองไทย
buaksib sport news
ออสก้า
ออสก้า
ออสก้า คาห์ล

ออสก้า คาห์ล เผยชีวิต 8 เดือน กับการเล่นฟุตบอลในเมืองไทย

ชีวิตใหม่ในเมืองไทย กับแปดเดือนที่ผ่านมาของ ออสก้า คาห์ล ลูกครึ่ง ไทย-สวีดิช สังกัดสโมสร แบงค็อก ยูไนเต็ด

ณ ปัจจุบัน วงการฟุตบอลไทยมีนักเตะลูกครึ่งหลายราย ย้ายกลับมาค้าแข้งในแผ่นดินแม่

และออสก้า อีกหนึ่งแข้งที่แม้จะไม่ได้เปิดตัวหวือหวา แต่ก็ถูกเรียกติดทีมชาติชุดเยาวชน ทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี

โดยเจ้าตัวได้เปิดความรู้สึกเกี่ยวการติดทีมชาติในครั้งนี้ว่า

“ตอนนี้ผมอยู่ประเทศไทยมาประมาณ 8 เดือนแล้วครับ”

“การกลับมาไทยในตอนนั้นเป็นเพราะผมรู้สึกว่าฟุตบอลไทยมันดึงดูดใจผมมากๆครับ ทำให้ผมรู้สึกว่าอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นี่

และผมเองก็เบื่อกับชีวิตที่สวีเดนเล็กน้อยในตอนนั้น อันนี้คือโอกาสครั้งใหม่ ต้องขอบคุณสโมสร แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่ให้โอกาสกับผมในการทดสอบฝีเท้า

ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีมาก ขณะที่พ่อกับแม่เองก็สนับสนุนผมเต็มที่”

“ความจริงการใช้ชีวิตที่สวีเดนมันก็มีเรื่องๆดีมากมาย แต่ผมยอมรับว่าการก้าวไปสู่ฟุตบอลระดับอาชีพที่สวีเดน อาจจะไม่เหมาะสมกับผมเท่าไหร่

ผมเองยอมรับว่าผมไม่ได้มีฝีเท้าที่ดี และมันก็ยากที่จะก้าวขึ้นไปด้วย”

“ผมอยู่ที่แบงค็อก ยูไนเต็ด ก็มีเพื่อนหลายคน อาทิ ตาหวาน (ศรายุธ สมพิมพ์), พี่มิก้า (มิก้า ชูนวลศรี) และ มานูเอล ทอม และเพื่อนร่วมทีมก็ช่วยผมสอนพูดภาษาไทย

ขณะที่ผมเองก็พยายามเสิร์ชหาคำในกูเกิ้ล เพื่อปรับตัวเข้ากับที่นี่ได้เร็วที่สุด โดยเฉพาะยามเล่นฟุตบอล นอกจากนี้ผมเองก็เรียนโรงเรียนแถวสุขุมวิท เพื่อเพิ่มความรู้เรื่องพวกนี้

และผมก็รู้สึกสนุกที่ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆที่เข้ามา ทั้งเรื่องวัฒนธรรม การกิน การอยู่เป็นต้น”

“การติดทีมชาติ ผมยังจำการติดทีมชาติไทยครั้งแรกได้ดี กับ ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ตอนที่เราไปเก็บตัวที่นครนายก ก่อนไปดูไบ คัพ แน่นอนตอนที่เห็นชื่อตัวเอง

ผมรู้สึกตื่นเต้นและดีใจ เพราะผมได้โอกาสเร็วมาก ซึ่งหมายความว่าทุกคนเองก็จับตามองผมอยู่ และทำให้ผมมั่นใจว่าผมมีอะไรบางอย่างที่เขาชอบ และผมก็ภูมิใจมากที่ได้เป็นตัวแทนของทีมชาติ”

“หลังจากนั้นผมก็คว้าแชมป์ดูไบ คัพ กับทีมได้ ผมภูมิใจจริงๆ เพราะความต้องการของนักฟุตบอลทุกคนคือการคว้ารางวัลบางอย่างมาครองและทำให้แฟนบอลในประเทศมีความสุข

ประเทศไทยมีคนที่รักฟุตบอลมากมาย และเราก็อยากจะทำให้พวกเขามีความสุข”

“ตอนนี้มีนักเตะลูกครึ่งกลับมาค้าแข้งในประเทศไทยมากมาย ผมไม่ได้กดดันนะ และผมเชื่อว่านักเตะลูกครึ่งหลายคนก็ช่วยพัฒนาฟุตบอลไทยได้ในระดับหนึ่ง

นั่นก็คือการเอาความรู้ที่เจอมาในต่างประเทศมาปรึกษาพูดคุย เพื่อยกระดับทีมขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเรื่องเกมรับ”

“สำหรับทีมชุดนี้ในการได้มาฝึกซ้อมกับทีมชุด U21 มันเป็นโอกาสที่ดีมากสำหรับพวกเรา เราทำงานหนัก และผมมั่นใจว่าทีมของเราจะไปได้ไกล

แน่นอนเป้าหมายระยะยาวของนักฟุตบอลไทยทุกคนก็คือการได้ติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ ผมเองก็หวังว่าสักวันผมจะก้าวไปถึงตรงจุดนั้น

แต่สิ่งสำคัญคือเราต้องทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เพราะอย่างที่เห็นว่าทุกวันนี้โอกาสทุกอย่างมันเปิดกว้าง หากใครทำผลงานได้ดี โอกาสก็จะวิ่งเข้าหาคุณ”

สำหรับฟุตบอลชายทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี จะมีโปรแกรมฝึกซ้อมที่แคมป์บางบ่ออย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 20 สิงหาคม 2560

และมีโปรแกรมอุ่นเครื่องสองเกมกับ Dreams metro gallery fc และ บางกอกกล๊าส บี

เครดิต : ฟุตบอลทีมชาติไทย

buaksib sport newsbuaksib sport news