“ต๋อม” อลงกรณ์ จรนาทอง หนึ่งในกองกลางที่ย้ายจาก ระยอง เอฟซี มาร่วมทีม ไทยฮอนด้า ในฤดูกาล 2014 เขาใช้เวลาเพียงแค่ปีเดียว ก็สามารถพาทีมเลื่อนชั้นสู่ ดิวิชั่น 1 ได้สำเร็จ จากนั้นอีก 2 ปีต่อมา “พญาอินทรี” ประสบความสำเร็จ เป็นทีมแรกที่ได้เลื่อนชั้นสู่ ไทย พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลหน้า
แน่นอนว่า ในซีซั่นหน้า ไทยฮอนด้า จะต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้น ความคาดหวังที่มากขึ้นเป็นเท่าตัว แต่สำหรับ อลงกรณ์ จรนาทอง บอกว่ามันเป็นความกดดันที่ตัวเองเครียดที่สุดในชีวิต
“เป็นครั้งแรกในชีวิตของผมที่จะได้เล่นไทยลีก บอกตามตรงครับ ผมรู้ตัวเองดีว่า ปีหน้าคงมีโอกาสได้เล่นบ้าง ไม่ได้เล่นบ้าง เพราะทีมก็ต้องเสริมตัวผู้เล่นที่แข็งแกร่งขึ้น ไทยลีกการแข่งขันมันสูงมาก” มิดฟิลด์ตัวรุก กล่าวเริ่ม
“ทีมอื่นๆมีผู้เล่นดีๆทั้งนั้น ตอนนี้ผมเครียดมาก เพราะกลัวลงไปเล่นแล้วจะทำผลงานได้ไม่ดี ไหนจะการออกไปเล่นนอกบ้านที่ต้องเจอกับกองเชียร์ที่คอยกดดันพวกเราอีก แต่เมื่อผมได้ลงไปในสนามก็จะทำผลงานให้ดีที่สุด”
กองกลางวัย 27 ปี เล่าต่อว่า หลังจากที่พาต้นสังกัด เลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุด
ได้มีทีมจาก ไทย พรีเมียร์ลีก ต้องการดึงตัวไปร่วมทีม แต่ “ต๋อม” กล่าวว่า
ตนเองต้องการตอบแทนสโมสรแห่งนี้ให้มากที่สุด พร้อมยืนยันว่า มีความสุขดีกับที่นี่
“มีทีมจากไทยลีก โทรติดต่อหาผมโดยตรง บอกว่าอยากดึงตัวไปร่วมทีมในปีหน้า แต่ผมมีสัญญากับ ไทยฮอนด้า ผมอยากช่วยทีม พิสูจน์ตัวเองต่อไป ที่ผ่านมาสโมสรช่วยผมมาตลอด ตอนนี้มีความสุขที่ได้อยู่ที่นี่มากๆครับ”
การย้ายมาร่วมทีม ไทยฮอนด้า ในปีแรกของ อลงกรณ์ จรนาทอง เส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ต้องพบเจอกับอุปสรรคทั้งในและนอกสนาม ทำให้ชีวิตของ “ต๋อม” เกือบย้ายกลับไปที่บ้านเกิดจังหวัดกาฬสินธุ์ อลงกรณ์ เล่าให้ฟังว่า
“ในช่วงแรกที่ย้ายมาเล่นกับ ไทยฮอนด้า ตอนนั้นผมไม่รู้จักใครเลย พอไปถึงสนามซ้อมก็นั่งอยู่คนเดียว ไม่กล้าเข้าไปทักใคร เพราะกลัวคนอื่นดูถูก พูดไม่ดีกับเรา
“ตอนนั้นเครียดมาก แฟนก็มีลูก ตอนนั้นเราปรึกษากันว่าจะเอายังไงต่อดี ผมร้องไห้คิดถึงบ้าน กรุงเทพไม่ใช่สถานที่คุ้นเคยเหมือนต่างจังหวัด ไม่มีทุ่งนา ไม่มีภูเขาให้มอง”
กองกลางร่างเล็กไทยฮอนด้า กล่าวต่อว่า “จากนั้นผมได้พูดคุย ปรึกษากับทีมงานสต๊าฟโค้ช ผู้บริหาร พี่ๆเค้าก็บอกว่า เฮ้ยมาอยู่ถึงจุดนี้แล้ว ก็ต้องสู้นะเว้ย อย่าถอยเด็ดขาด”
ย้อนกลับไปเมื่อสมัย อลงกรณ์ จรนาทอง จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย “ต๋อม” มีโอกาสได้สอบสัมภาษณ์ตรงกับ มหาวิทยาลัยขอนแก่นคณะศึกษาศาสตร์ เอกพลศึกษาศาสตร์ แต่จุดเปลี่ยน และเรื่องราวในโลกของฟุตบอลเกิดขึ้นจากตรงนี้
“ตอนนั้น จบ ม.6 ผมได้โควต้านักกีฬา ที่ ม.ขอนแก่น แต่ผมไม่เอา เพราะต้องการเล่นฟุตบอลอาชีพกับ เลย ซิตี้ เลยไปสมัครที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย แทนครับ คณะก็ศึกษาศาสตร์ เรียนครูพละอนาคตข้างหน้าถ้าพลาดหวังผมก็ยังครูบอลบ้านอกได้”
“พอผมเตะบอลกับ เลย ซิตี้ ได้ 4 ปี ตอนนั้นเรียนอยู่ปีสุดท้าย ผมตัดสินใจดรอป ไม่เรียนต่อ เพราะอยากเอาดีทางฟุตบอล อยากลุยให้เต็มที่ ถ้าตอนนั้นผมเลือกเรียนมหาลัยที่ขอนแกน ผมคงไม่มีทุกวันนี้ ไม่มีฟุตบอลอยู่เป็นส่วนหนึ่งของอาชีพ”
“หลังจากนั้น ระยอง เอฟซี เซ็นสัญญาผมไปร่วมทีม ความท้าทายครั้งใหม่ในชีวิต มันเริ่มขึ้นแล้ว” อดีตกองกลาง ระยอง เอฟซี เล่าด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น
ชีวิตของนักฟุตบอล กว่าจะก้าวขึ้นมาอยู่บนจุดสูงสุดได้ ต้องฝ่าฟัน ต่อสู้กับปัญหาที่อยู่รอบตัวมากมาย ทั้งคำพูดของคนอื่น และฝีเท้าการเล่นของนักบอลคนอื่นๆที่พัฒนาอยู่ทุกๆวัน
“สมัยผมเล่นที่ ระยอง เอฟซี อย่างที่ผมบอกแหละครับว่าต้องดรอปเรียนตอนปี 4 เพื่อมาเตะบอลอาชีพอย่างจริงจัง พวกญาติ พี่้น้อง มาพูดกับแม่ของผมว่า ไอต๋อมเรียนก็ไม่จบ เอาแต่เล่นฟุตบอล เป็นนักบอลแล้วจะเอาเงินที่ไหนกิน เอาเงินที่ไหนเลี้ยงพ่อแม่ อย่าไปเล่นเลยฟุตบอล เลิกเถอะออกมาเรียนให้มันจบๆ แล้วหางานดีๆทำ”
“พอแม่เล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง ผมอึ้ง! มากเลยนะ อึ้ง!แบบพูดไม่ออก มันเป็นความรู้สึกที่โคตรเจ็บใจเลย ผมเลยบอกแม่กลับไปว่า แม่คอยดูแล้วกัน เดี๋ยวผมจะทำทุกอย่างให้พ่อแม่เห็นเอง ว่าไอ้ลูกคนนี้ก็ทำอะไรให้ครอบครัวได้บ้าง ”
หลังจากที่ อลงกรณ์ จรนาทอง ย้ายมาร่วมทีม ไทยฮอนด้า ในฤดูกาลแรก
ก็สามารถพาทีมเลื่อนชั้นสู่ ดิวิชั่น 1 ได้ภายในระยะเวลาปีเดียว ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มดีขึ้น ทั้งรายได้ และชื่อเสียงที่คนรู้จักมากขึ้น
“ต๋อม” เล่าว่า “หลังจากที่ ไทยฮอนด้า เลื่อนชั้นไปเล่น ดิวิชั่น 1 แฟนบอลหลายคนรู้จักผมมากขึ้น เริ่มเข้ามาพูดคุย ทักทาย ขอถ่ายรูป บอกตามตรงนะพี่ ผมมีความสุขจริงๆ เหมือนทุกคนยอมรับในตัวเรา”
“อยู่ที่นี่ปีแรก ผมผ่อนจ่ายค่ารถจนหมด ส่งน้องสาวเรียนที่โรงเรียนในจังหวัดกาฬสินธุ์ และส่งเงินให้กับครอบครัวเดือนละหมื่น”
“ปีที่สอง ผมออกรถยนต์ให้กับตัวเอง และก็สร้างบ้านให้แม่หลังนึง พอผมได้มีโอกาสกลับไปที่บ้าน ญาติพี่น้อง ก็จะมาขอเสื้อผ้า ขอรองเท้าฟุตบอล หรือแม้กระทั่งขอให้ผมเลี้ยงหมูกะทะ จากคำพูดที่เคยโดนดูถูก ก็เปลี่ยนเป็นคำชื่นชม ญาติพี่น้องบางคนเดินมาบอกกับผมแล้ว ต๋อมเองทำดีแล้ว เองคือลูกกตัญญู”
ชีวิตของ อลงกรณ์ จรนาทอง ในวัยเด็กต้องต่อสู้ เพราะชีวิตในเรื่องจริงมันยิ่งกว่าละคร “ผมเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน พ่อแม่ ทำนา ทำสวน เห็นพ่อแม่ลำบาก ผมสงสาร ที่บ้านก็ส่งมาเรียนที่โรงเรียนกีฬาขอนแก่นตั้งแต่อายุ 12 ปี มันเป็นโรงเรียนประจำ”
“ปีแรก ผมร้องไห้แทบทุกวัน คิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อแม่ อยากลาออกใจจะขาด พ่อแม่ก็บอกให้สู้ แต่แม่ก็จะนั่งรถสองแถวขึ้นมาเยี่ยมทุกอาทิตย์ อืมก็ช่วยให้ผมหายคิดถึง เลิกร้องไห้ไปได้บ้าง”
ในฤดูกาลหน้าของ อลงกรณ์ จรนาทอง กับภารกิจบนลีกสูงสุด ไทย พรีเมียร์ลีก มันช่างน่าตื่นเต้นและท้าทายยิ่งนัก แต่อย่างไรก็ดี “ต๋อม” บอกว่าภารกิจในปีหน้ายังไม่เริ่มขึ้น เพราะปีนี้ต้องการคว้าแชมป์ ดิวิชั่น 1 กับไทยฮอนด้าให้ได้ก่อน
“ถ้าตอนนี้ผมมีคาถาที่เสกแล้วได้เลย ก็อยากให้ ไทยฮอนด้าคว้าแชมป์ ดิวิชั่น 1 ในชีวิตนึงก็อยากจะได้แชมป์กับทีมสักครั้ง ผมเด็กต่างจังหวัด เป้าหมายอะไรก็ตาม
ก็อยากทำให้มันได้ ขอบคุณส้มตำ ลาบก้อย ที่ทำให้ผมมีวันนี้ ขอบคุณท้องไร่ ท้องนา ที่ทำให้เราไม่ลืมตัว ถ้าวันนึงผมไม่มีพวกนี้อยู่ในชีวิต ผมคงขาดใจตาย และเดินไปข้างหน้าอย่างไม่มีความหมาย”
ข้อมูลจาก : Thai honda ladkrabang fc