อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ ประธานพัฒนาฟุตซอลและฟุตบอลชายหาดแห่งชาติ เผยแผนงานที่จะพัฒนาวงการโต๊ะเล็กทุกระดับในปี 2018 โดยจะเตรียมจัดศึกชิงแชมป์สโมสรโลกครั้งแรกในประวัติศาสตร์ฟุตซอลไทย พร้อมโต๊ะเล็กหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2018, นำใช้คลับไลเซนซิ่งยกระดับลีกไทย เผยปี 2020 ทุกทีมในลีกต้องมีคลับไลเซนซิ่งครบ, ผลักดันฟุตซอล ดิวิชั่น 1 เป็นกีฬาอาชีพ และใช้ระบบการแข่งขันเหย้า-เยือนเต็มรูปแบบ ด้านฟุตซอลลีกหญิงเตรียมขยายเวลาการแข่งขันเป็น 2 เลก, ลีกบอลชายหาดเตรียมเพิ่มเป็น 8 ทีม เพื่อเพิ่มความเข้มข้นในการแข่งขัน
ภายหลังจากวงการฟุตซอลไทยผ่านพ้นการแข่งขันในขวบปี 2017 ในการจัดการแข่งขันทั้งในระดับลีก และระดับนานาชาติ รวมถึงผลงานของทีมชาติไทยในการแข่งขันรายการต่างๆ ทางด้านหัวเรือใหญ่ของวงการฟุตซอลไทย “บิ๊กป๋อม” อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ ประธานพัฒนาฟุตซอลแห่งชาติ ได้เผยถึงภาพรวมของวงการฟุตซอลไทยในปี 2560 ว่า “รู้สึกภาคภูมิใจกับพัฒนาการของวงการฟุตซอลไทยในปีที่ผ่านมา โดยในฝ่ายพัฒนาฟุตซอลและฟุตบอลชายหาดสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้จัดการแข่งขันทั้งหมด 11 รายการ ทั้ง การแข่งขันฟุตซอลไทยลีก, ฟุตซอล ดิวิชั่น 1, ฟุตซอลลีกหญิง, ฟุตบอลชายหาดลีก, ฟุตซอลเอฟเอคัพ, ฟุตซอลไทยแลนด์ไฟว์, ฟุตบอลชายหาดไทยแลนด์ไฟว์, ฟุตซอลยู 20 ชิงแชมป์เอเชีย, ฟุตซอลชิงแชมป์อาเซียน, ฟุตซอลชิงแชมป์สโมสรอาเซียน และ ฟุตซอลชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือกในโซนเอเชียตะวันออก และเอเชียตะวันตก ซึ่งก็ผ่านพ้นไปอย่างเรียบร้อย”
“ในส่วนของผลงานของทีมชาติไทยเเละสโมสรไทยที่เข้าร่วมการแข่งขันนั้น ทีมฟุตซอลหญิงทีมชาติไทย สามารถคว้าแชมป์ซีเกมส์ และ แชมป์เอเชียนอินดอร์เกมส์ได้, ทีมชาติไทยสามารถคว้าแชมป์ซีเกมส์ รวมถึงแชมป์ อาเซียน สมัยที่ 12 และ 13 ได้, ทีมฟุตซอลชุดอายุไม่เกิน 20 ปี สามารถคว้าอันดับ 3 ในการแข่งขันชิงแชมป์เอเชียครั้งแรก, ทีม พีทีที บลูเวฟ ชลบุรี ก็ก้าวไปคว้าแชมป์ฟุตซอลชิงแชมป์สโมสรเอเชีย และเป็นสมัยที่ 2 ของทีม ส่วนทีม การท่าเรือ คว้าแชมป์ฟุตซอลชิงแชมป์สโมสรอาเซียน และเป็นสมัยที่ 3 ของทีม”
“สำหรับการแข่งขันฟุตซอลลีกในประเทศไทยนั้น ในปีที่ผ่านมาก็มีการขับเคี่ยวอย่างสนุกเร้าใจตลอดฤดูกาล ระหว่าง ทีม พีทีที บลูเวฟ ชลบุรี การท่าเรือ ทีมอย่าง แบงค็อก บีทีเอส รวมถึงพัฒนาการทุกๆทีมในลีก พิสูจน์ให้เห็นถึงการยกระดับศักยภาพของแต่ละทีมในการแข่งขันฟุตซอลมีคุณภาพที่ดี มีความใกล้เคียงลดช่องว่างระหว่างกันมากขึ้นอย่างน่าพอใจ”
“การแข่งขันเอฟเอคัพในปีนี้ ก็ยังได้รับการตอบรับจากแฟนฟุตซอลได้ดีเช่นเคย พร้อมกับได้ทีมแชมป์หน้าใหม่ที่ สามารถคว้าแชมป์ได้เป็นครั้งแรกอย่าง แบงค็อก บีทีเอส หลังจากก่อนหน้านี้ มีเพียง 2 สโมสรที่เคยคว้าแชมป์รายการนี้ ได้แก่ พีทีที บลูเวฟ ชลบุรี และ ราชนาวี ขณะที่การแข่งขันฟุตซอลลีกหญิง ก็ทำให้ได้นักเตะระดับคุณภาพที่ทำให้เราสามารถคว้าแชมป์เอเชียนอินดอร์เกมส์ได้”
“ส่วนภาพรวมอื่น ก็มีสัญญาณที่ดีเพราะนักเตะอย่าง จิรวัฒน์ สอนวิเชียร สามารถคว้านักเตะยอดเยี่ยมของอาเซียน รวมถึงมีชื่อเข้าชิงนักเตะยอดเยี่ยมของเอเชียด้วย นอกจากนี้นักเตะและบุคลากรของสโมสรไทย และทีมชาติไทย ยังมีชื่อเข้าชิงในรายการต่างๆ ของ www.futsalplanet.com ซึ่งเป็นเว็บไซด์ระดับโลก ถึง 9 จาก 10 รายการ ทั้ง นักเตะยอดเยี่ยมของโลก (จิรวัฒน์ สอนวิเชียร), ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมของโลก (คฑาวุธ หายคำภา), โค้ชทีมชาติยอดเยี่ยมของโลก (ปูลปิส), ทีมชาติยอดเยี่ยมของโลก (ทีมฟุตซอลชายทีมชาติไทย, ทีมฟุตซอลหญิงทีมชาติไทย), โค้ชสโมสรยอดเยี่ยมของโลก (รักษ์พล สายเนตรงาม), สโมสรยอดเยี่ยมของโลก (พีทีที บลูเวฟ ชลบุรี), นักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมของโลก (มูฮัมหมัด อุสมานมูซา, ปาณัสม์ กิตติภานุวงศ์), นักฟุตซอลหญิงยอดเยี่ยมของโลก (ดาริกา เพียรภายลุน) และ ผู้รักษาประตูหญิงยอดเยี่ยมของโลก (พรรนิภา กมลรัตน์) ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าชื่นใจ และภาคภูมิใจในขวบปีที่ผ่านมา”
ก่อนจะกล่าวถึงนโยบายในปี 2018 ต่อว่า “สำหรับในปี 2018ฝ่ายพัฒนาฟุตซอลและฟุตบอลชายหาดสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ยังคงมีความจริงจังและมุ่งมั่นจะพัฒนาให้วงการฟุตซอลไทยเดินหน้า และประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องต่อไป โดยในระดับทีมชาติ เราจะมีทีมชาติไทย 5 ชุด ได้แก่ ทีมฟุตซอลทีมชาติไทยชุดใหญ่ ซึ่งจะแข่งขันทัวร์นาเม้นต์สำคัญอย่างชิงแชมป์เอเชียในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้, ทีมฟุตซอลทีมชาติไทยชุดอายุไม่เกิน 23 ปี เพื่อเตรียมสำหรับการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์อาเซียนที่อินโดนีเซีย, ทีมฟุตซอลทีมชาติไทย ชุดอายุไม่เกิน 18 ปี เพื่อรองรับการแข่งขันในระดับยู 20 ในอนาคต โดยทีมชุดนี้จะมีการอุ่นเครื่องกับทีมชั้นนำอย่าง อิหร่าน และ อาร์เจนติน่า ด้วยในช่วงปีนี้, ทีมฟุตซอลหญิงทีมชาติไทย เพื่อเตรียมแข่งขันฟุตซอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2018 ที่เราจะเป็นเจ้าภาพในช่วงเดือนพฤษภาคม และทีมฟุตบอลชายหาดทีมชาติไทย ที่จะทำการลงแข่งขันชิงเเชมป์อาเซียนที่อินโดนีเซีย”
“การแข่งขันฟุตซอลในระดับลีกนั้น สิ่งสำคัญในปี 2018 ทั้ง ฟุตซอลไทยลีก, ฟุตซอลดิวิชั่น 1 และ ฟุตซอลลีกหญิง เราจะเริ่มนำคุณสมบัติของ คลับ ไลเซนซิ่ง บางอย่างมาใช้ และจะให้สโมสรในทั้ง 3 ลีก ค่อยๆ พัฒนาไปตามมาตรฐานของคลับไลเซนซิ่ง รวมถึงภายในปี 2020 ก็จะผลักดันให้ทุกทีมในลีกมีคลับไลเซนซิ่งให้ครบทุกทีม นอกจากนี้ในการแข่งขันฟุตซอลดิวิชั่น 1 เราจะบรรจุให้เป็นกีฬาอาชีพ พร้อมทั้งผลักดันให้ภายใน 2-3 ปี ในลีกดิวิชั่น 1 จะต้องมีทีมเข้าแข่งฃัน 12-14 ทีม พร้อมใช้ระบบการแข่งขันแบบเหย้า-เยือน เต็มรูปแบบ ส่วนการแข่งขันฟุตซอลลีกหญิง ก็จะขยายระยะเวลาการแข่งขันให้ยาวนานขึ้น พร้อมปรับให้มีการแข่งขันในระบบ 2 เลก และการแข่งขันฟุตบอลชายหาดลีก ก็จะเพิ่มทีมเป็น 8 ทีม เพื่อเพิ่มความเข้มข้นในการแข่งขันให้มากขึ้น”
“สำหรับการจัดการแข่งขันในปี 2561 นั้นตามโครงสร้างเดิมเราจะยังจัดการแข่งขัน ฟุตซอลไทยลีก, ฟุตซอล ดิวิชั่น 1, ฟุตซอลลีกหญิง, ฟุตซอลชายหาดลีก, ฟุตซอลเอฟเอคัพ, ฟุตซอลไทยแลนด์ไฟว์, ฟุตบอลชายหาดไทยแลนด์ไฟว์ รวมถึง ฟุตซอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2018 ในช่วงเดือน พฤษภาคม และฟุตซอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2018 ที่จะมีแชมป์จากทวีปต่างๆ ของโลกเข้าร่วมการแข่งขัน และยังจะเป็นการจัดการแข่งขันครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของวงการฟุตซอลไทยด้วย โดยการแข่งขันครั้งนี้จะมี 6 ทีม เข้าร่วมการแข่งขัน ซึ่งตอนนี้ได้ 3 ทีม ที่จะเข้าร่วมการแข่งขันแล้วได้แก่ แม็กนัส ฟุตซอล (ทีมแชมป์เก่า), พีทีที บลูเวฟ ชลบุรี (แชมป์เอเชีย), บาร์เซโลน่า ลาซซ่า (ทีมรับเชิญ) ส่วนอีก 3 ทีม จะเป็น ทีมแชมป์จากยุโรป, ทีมแชมป์จากอเมริกาใต้ และ ทีมรับเชิญอีก 1 ทีม โดยจะทำการแข่งขันกันในช่วงเดือนสิงหาคมนี้”
“นอกจากนี้เรายังยื่นข้อเสนอในการจัดการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์สโมสรเอเชีย 2018 ซึ่งก็ต้องแข่งขันกับ อินโดนีเซีย ที่ได้ยื่นเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเช่นกัน ซึ่งหากว่าสุดท้ายเราได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน เราก็พร้อมจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพราะเราถือเป็นศูนย์กลางของฟุตซอลในระดับชั้นนำของเอเชีย และต้องการที่จะรักษาคุณภาพและมาตรฐานในการจัดที่ดีไว้ให้ได้ต่อไป”
ที่มาจาก FA Thailand