ล่าสุด ทางด้าน “วิทยา เลาหกุล “ได้ ฟันธง “ฟิลิปปินส์” ก้างขวางคอ “ช้างศึก” ป้องแชมป์อาเซียน ชูมีพัฒนาการขึ้นมาก เชื่อกลับมาเป็นคู่ชิงชนะเลิศ กระตุ้นต้องติวเกมรุกให้หลากหลาย เพราะเจอคู่แข่งตั้งรถบัสมาเน้นรับแน่นอน พร้อมเตือนระวังเกมเหย้า-เยือน มีบทเรียนจากรอบชิงฯ เมื่อหนก่อน.
และ”ช้างศึก” ทีมชาติไทย เตรียมป้องกันแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน ในศึก “เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2016” ซึ่งรอบแรกกลุ่ม A เตะที่ฟิลิปปินส์ โปรแกรมของทีมชาติไทย (เวลาไทย) 19 พ.ย. 15.30 น. พบ อินโดนีเซีย, 22 พ.ย. 15.30 น. พบ สิงคโปร์ และ 25 พ.ย. 19.00 น. พบ ฟิลิปปินส์ โดยหลังจากเสร็จศึกฟุตบอลโลกกับ ออสเตรเลีย แล้วทีมไทยเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิไปยังกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 16 พ.ย. ขณะที่กลุ่ม B เตะที่กรุงเนย์ปิดอว์ ประเทศเมียนมา มี เมียนมา, มาเลเซีย, เวียดนาม และ กัมพูชา
“ส่วนโคชเฮง” วิทยา เลาหกุล ประธานพัฒนาเทคนิค สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย วิเคราะห์คู่แข่งขันของทีมชาติไทย โดยคู่แข่งในรอบแรกนี้ “เจ้าภาพ” ฟิลิปปินส์ ดีกรีเบอร์ 1 อาเซียน จากฟีฟ่าแรงค์กิ้ง ถือว่าน่ากลัวที่สุด เพราะระยะหลัง พัฒนาขึ้นอย่างมาก แม้เกมระดับสโมสรในประเทศจะมีไม่มาก แต่ส่งผลให้ทีมชาติมีเวลาเตรียมตัว ได้อุ่นเครื่องกับทีมที่มีคุณภาพ ผู้เล่นต่างชาติที่โอนสัญชาติพัฒนาขึ้นมาก สไตล์โดยรวมเป็นแบบหลักสากลทั่วไป ได้ทั้งรัดกุม และเล่นแบบฉาบฉวย ลูกตั้งเตะน่ากลัว ส่วนเบสิคฟุตบอล-ทักษะพอใช้ได้
และขณะที่ “ลอดช่อง” สิงคโปร์ ดีกรีแชมป์สูงสุด 4 สมัย เท่ากับไทยนั้น ยังเป็นรอง ไทย อยู่ หากเจอกับ ช้างศึก ก็อยู่ที่ว่าทีมไทย จะหาทางเจาะประตูได้เฉียบขาดเพียงใด เพราะ สิงคโปร์ เล่นเหนียวแน่นมาก ขนาด ญี่ปุ่น เล่นในบ้านยังเจาะไม่ได้ เสมอ 0-0 ในเกมคัดฟุตบอลโลก รอบ 2 โซนเอเชีย เมื่อกลางปีที่แล้ว ขณะที่ อินโดนีเซีย โดนแบนเกมระดับชาติ แต่ลีกในประเทศ ยังมีอยู่ จึงมีความกระหาย
และประธานเทคนิคบอลไทย กล่าวต่อไปว่า ส่วนอีกกลุ่ม ทีมที่โดดเด่นอย่าง เวียดนาม เมื่อมาเล่นกับไทยแล้ว นักเตะสกุลเหงียนมักมุ่งมั่น ต้องการชัยชนะเกินไป จนลืมยุทธวิธี ทำให้เสียรูปเกม ส่วน มาเลเซีย กับ เมียนมา ก็ยังเป็นรองไทย
“ผมเชื่อว่าซูซูกิคัพ ครั้งนี้ ฟิลิปปินส์ คือคู่แข่งที่แข็งแกร่งที่สุดของไทย และมีโอกาสสูง ที่จะเจอกันในรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งเราจะประมาทไม่ได้เลย”
เดอะเฮง กล่าวด้วยว่า สิ่งที่ต้องระวัง คือหลังจากจบรอบแรก เป็นการเล่นแบบเหย้าเยือน ไปเจอเกมกดดันของเจ้าบ้าน ทีมไทยมีตัวอย่างที่ดีแล้ว จากนัดชิงชนะเลิศ ซูซูกิคัพ 2014 นัด 2 ที่มาเลเซีย เริ่มมาก็โดนยิงไป 3 ลูก ยังดีที่พลิกกลับมาตีตื้น 2 ประตู และคว้าแชมป์ได้
“ในระดับอาเซียน เราต้องเจอคู่แข่งที่มาตั้งเกมรับแน่นอน ดังนั้น ทีมไทย ต้องเตรียมเกมรุกให้หลากหลาย ขณะเดียวกันเกมรับก็อย่าพลาดง่าย เรายังมีจุดที่ต้องช่วยๆกันปรับให้ลงตัว เพื่อความแข็งแกร่งมากขึ้นกว่านี้” เดอะเฮง กล่าว
เนื้อหาข่าว : https://www.dailynews.co.th/sports/536577