สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เซ็นสัญญา บันทึกความร่วมมือ (MOU) กับ บริษัท เค.บี.เอ็ม. เทคโนโลยี่ส์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าหลอดประหยัดพลังงานไฟฟ้าแอลอีดี (LED) ทุกประเภท ภายใต้ยี่ห้อ KBM Lighting ในการพัฒนาไฟส่องสว่างของสนามกีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ให้มีคุณภาพ และคุณสมบัติที่เหมาะสมสำหรับการจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก รวมถึง การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบสุดท้าย
การลงนามครั้งนี้นำโดย พล.ต.อ. ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ พร้อมด้วย คุณ ศศกร แผ่ดิลกกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.บี.เอ็ม. เทคโนโลยี่ส์ จำกัด, คุณ กรวีร์ ปริศนานันทกุล เลขาธิการสมาคมฯ, คุณ พาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศ และรองโฆษกสมาคมฯ รวมถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฏหมายและฝ่ายจัดการแข่งขัน
หลังการเซ็นสัญญา คุณ พาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศ และรองโฆษกสมาคมฯ กล่าวว่า “ก็เป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวในการเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบสุดท้าย ที่เราจะเป็นเจ้าภาพในช่วงเดือนมกราคม 2563”
“หนึ่งในเกณฑ์ของเอเอฟซี ก็คือเรื่องของไฟส่องสว่างในสนามแข่งขัน ที่จะต้องรองรับการถ่ายทอดสด ซึ่งต้องมีมาตรฐานสูง เพราะตามมาตรฐานที่เอเอฟซีกำหนด สำหรับการแข่งขันรายการนี้ ต้องไม่น้อยกว่า 1,800 LUX ซึ่งปัจจุบัน สนามมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต มีค่าไฟส่องสว่าง ณ ปัจจุบัน อยู่ที่ประมาณ 1,500 LUX”
“ทางสมาคมฯ จึงได้เซ็น MOU กับบริษัทที่เชี่ยวชาญในด้านนี้เป็นพิเศษ และสามารถดำเนินการได้ในทันที โดยทางบริษัท เค.บี.เอ็ม. เทคโนโลยี่ส์ จำกัด ก็ต้องการจะแสดงประสิทธิภาพ ด้วยการแสดงให้เห็นตั้งแต่เกมฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก นัดต่อไป ที่ทีมชาติไทย จะใช้สนามมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต พบกับ ยูเออี ในวันที่ 15 ตุลาคม นี้”
“ซึ่งนอกจากไฟส่องสว่างสำหรับการแข่งขันแล้ว ทางสมาคมฯ และบริษัท จะทำการทดลอง Lighting Design ที่จะส่องไปยังตัวอัฒจันทร์ด้านนอก เพื่อใช้เทคโนโลยีสร้างลูกเล่น ให้ไฟสีทำการเคลื่อนไหวในจุดต่างๆ ย้อมสีบางส่วนของอัฒจันทร์ให้มีบรรยากาศสวยงาม และน่าสนใจมากขึ้น ในวันแข่งขันของทีมชาติไทยช่วงเดือนตุลาคมนี้อีกด้วย”
“ณ ปัจจุบัน สนามมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต สามารถจัดฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก รอบนี้ได้ เป็นเพราะเงื่อนไขในรอบนี้ เอเอฟซี กำหนดไฟส่องสว่าง ต้องไม่ต่ำกว่า 1,200 LUX แต่ในฟุตบอลโลกรอบต่อไป หากเราไม่เพิ่มหรือปรับปรุง สนามแห่งนี้ก็ไม่สามารถใช้ได้ ซึ่งการปรับปรุงครั้งนี้ก็ถือเป็นการปรับปรุงเพื่ออนาคต ให้เรามีสนามที่เป็นตัวเลือกในการใช้รับรองการแข่งขันได้มากขึ้น”
“ขณะที่สนามอื่นๆ เป็นสนามที่อยู่ในการควบคุมดูแลจากทางราชการ ซึ่งสมาคมฯ ไม่สามารถเข้าไปบริหารจัดการได้ แต่กับสนามธรรมศาสตร์นั้น ก่อนหน้านี้ สมาคมฯ ได้มีการเซ็น MOU ในการร่วมกันปรับปรุงสนาม เพื่อให้สนามได้มาตรฐานมากที่สุด โดยคาดว่า การติดตั้งน่าจะเริ่มทันทีในช่วงที่มีการพักเบรคทีมชาติ ซึ่งใช้เวลาไม่นาน และทางเราก็คาดหวังว่าจะพร้อมสำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลก ที่ไทยจะพบกับ ยูเออี”