วันที่ 29 มกราคม 2562 ณ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ถนนศรีอยุธยา แขวงดุสิต เขตดุสิต กทม. สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ มอบเงินสินน้ำใจนำจับขบวนการล้มบอล ล็อต 2 ให้แก่เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จำนวน 150,000 บาท เพื่อสร้างขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจในการปฎิบัติงาน
พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน โฆษกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มอบเงินสินน้ำใจนำจับให้แก่ พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) จำนวน 150,000 บาท
เพื่อมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จับกุมขบวนการล็อกผลการแข่งขันกีฬาฟุตบอลล่วงหน้า หรือ ขบวนการล้มบอล ล็อต 2 เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจในการปฎิบัติงาน
โฆษกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “วันนี้ผมเป็นตัวแทนของ พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ ได้มอบเงินเป็นสินน้ำใจให้กับน้องๆ ตำรวจ เงินนี้ไม่ใช่รางวัลนำจับ เพราะตำรวจเองทำตามหน้าที่อยู่แล้ว ซึ่งนายกสมาคมฯ ซึ่งเคยเป็นผู้นำสูงสุดของตำรวจอยากจะมอบเงินเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้น้องๆ ครับ”
“สมาคมฯ ต้องการพัฒนาฟุตบอลทุกมิติ แต่สิ่งที่ทำให้ฟุตบอลไทยไม่พัฒนาไปข้างหน้าส่วนหนึ่งเพราะมีการล็อกผลการแข่งขันหรือมีการล้มบอลกันอยู่ ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, สปอร์ตเรดาร์ และสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ร่วมมือกันทำงานมาโดยตลอด”
“ปีแล้วเราจับกุมผู้ต้องหาได้ 12 ราย ตอนนี้คดีอยู่ในชั้นศาลบางรายรับสารภาพผิดไปแล้ว บางรายก็ให้การปฏิเสธ”
“มาต้นปีนี้เราจับกุมผู้ต้องหาได้เพิ่มอีก 3 ราย รวมเป็น 15 ราย ทุกรายที่จับกุมล้วนมีพยานหลักฐานครบถ้วน สามารถขยายผลต่อไปได้หากกลุ่มคนในวงการฟุตบอลมีพฤติกรรมและส่อที่จะทำความผิดล็อกผลการแข่งขันหรือล้มบอลอีกคาดว่าคงมีการจับกุมในล็อตที่3 อย่างแน่นอน”
“ตอนนี้ไทยลีกใกล้เปิดเราก็มีการประสานข้อมูลกันตลอด ปีนี้เรามี VAR มาช่วยด้วยทำให้สามารถจับภาพนักเตะได้ทั้งหมด อย่างมีเหตุการณ์นักฟุตบอลกระโดดดีใจ หลังทีมตัวเองได้ประตู นี่ถือว่าการล็อกผลบอลสำเร็จ หลังเกมมีการไปเงินในตู้เอทีเอ็ม อย่างนี้สามารถเอาไปเป็นหลักฐานในชั้นศาลได้”
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวผู้ต้องหา 3 ราย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติส่งเสริมกีฬาอาชีพ พ.ศ. 2556 โดยผู้ต้องหาทั้งหมดได้ขอประกันตัวออกไปในชั้นพนักงานสอบสวน
ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการรวบรวมเอกสารหลักฐานเพื่อส่งฟ้องต่ออัยการต่อไป
สำหรับ พระราชบัญญัติส่งเสริมกีฬาอาชีพ (พ.ร.บ.กีฬาอาชีพ) พ.ศ.2556 ในส่วนที่ 2 โทษอาญา มีส่วนว่าด้วยการกระทำผิด ดังกล่าวประกอบด้วย ดังนี้
– มาตรา 64 : ผู้ใดให้ขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่นักกีฬาอาชีพหรือผู้อื่น เพื่อจูงใจให้นักกีฬาอาชีพกระทําการล้มกีฬา ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 5 ปีหรือปรับตั้งแต่200,000-500,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
– มาตรา 65 : ผู้ใดเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสําหรับตนเองหรือผู้อื่นเพื่อให้มีการกระทําการล้มกีฬา ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 5 ปีหรือปรับตั้งแต่200,000-500,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
– มาตรา 66 : ผู้ใดให้ขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ผู้ตัดสินหรือผู้อื่นเพื่อจูงใจให้ผู้ตัดสินทําหน้าที่ตัดสินไม่เป็นไปตามระเบียบหรือกติกาการแข่งขัน หรือทําหน้าที่ตัดสินอย่างไม่ถูกต้องเที่ยงธรรม ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 5 ปีหรือปรับตั้งแต่200,000-500,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
– มาตรา 67 : ผู้ตัดสินใดเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสําหรับตนเองหรือผู้อื่น เพื่อทําหน้าที่ตัดสินไม่เป็นไปตามระเบียบหรือกติกาการแข่งขันหรือทําหน้าที่ตัดสินอย่างไม่ถูกต้องเที่ยงธรรม ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่หนึ่ง 1-10 ปีหรือปรับตั้งแต่ 300,000-600,000 แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ