สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้รับรายงานการตรวจสนามที่เตรียมใช้จัดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบสุดท้าย ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพ จากฝ่ายจัดการแข่งขันจากสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ AFC เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะนำข้อมูลที่ได้รับ ไปปรับปรุงสนามให้มีความพร้อมต่อไป
โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการแข่งขันสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ เอเอฟซี ได้เดินทางมาตรวจสนามแข่งขัน ทั้งหมด 7 สนาม ประกอบด้วย สนาม ราชมังคลากีฬาสถาน, สนามสมโภช 700 ปี เชียงใหม่, สนาม เมืองทอง สเตเดียม (เอสซีจี สเตเดียม), สนามเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จังหวัดนครราชสีมา,สนาม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, สนาม บีจี สเตเดียม (ลีโอ สเตเดียม) และสนาม ติณสูลานนท์ จังหวัดสงขลา รวมถึงสนามฝึกซ้อมทั้งหมด ในช่วงระหว่างวันที่ 19-26 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการแข่งขันสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ เอเอฟซี ได้มีการส่งรายงานการตรวจสนามแข่งขันทั้งหมด มายังสมาคมฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนั้นสมาคมฯ จะมีการส่งเรื่องแผนปรับปรุงสนามต่อไปยัง การกีฬาแห่งประเทศไทยฯ ต่อไป เพื่อนำไปใช้ปรับปรุงสนามให้มีความสมบูรณ์ พร้อมสำหรับการจัดแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบสุดท้าย ที่ประเทศไทย จะเป็นเจ้าภาพ ในเดือนมกราคม 2563 และจะส่งข้อมูลการปรับปรุงทั้งหมดให้ เอเอฟซี นำไปพิจารณาอีกครั้ง ในเดือนพฤษภาคม
สำหรับ เอเอฟซี จะมีการคัดเลือกสนามแข่งขันที่มีความพร้อมมากที่สุดจำนวน 4 สนาม เพื่อใช้แข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบสุดท้าย ในเดือนมกราคม 2563 เพื่อคัดเลือกเอา 3 ทีม ผ่านเข้าไปเล่นในมหกรรมโอลิมปิก ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ต่อไป