สิโรจน์ รับราเยวัชมีแท็คติคและระบบการเล่นที่ดี และเป็นต้นแบบแข้งช้างศึก
สิโรจน์ ฉัตรทอง กองหน้าทีมชาติไทย รู้สึกว่า มิโลวาน ราเยวัช เป็นกุนซือที่ค่อนข้างละเอียดมากๆ โดยเฉพาะเรื่องของวินัยเกมรับซึ่งเป็นจุดอ่อนของผู้เล่นไทย หลังเข้าสู่การฝึกซ้อมวันที่ 4 ที่ เกียรติธานี คันทรี คลับ สำหรับการเตรียมความพร้อมก่อนบุกไปเยือน ทีมชาติอุซเบกิสถาน ในเกมอุ่นเครื่องภายใต้ปฏิทินฟีฟ่าเดย์ ต่อด้วยเปิดบ้านพบกับ ทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ในฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย นัดที่ 8
กองหน้าวัย 24 ปี เป็นหนึ่งในผู้เล่น ช้างศึก ชุดคัดบอลโลกในนัดที่ผ่านมา รวมถึงแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2016 ก่อนที่ล่าสุดจะได้รับโอกาสมาเป็นส่วนหนึ่งต่อเนื่องภายใต้การคุมทัพของ มิโลวาน ราเยวัช กุนซือคนใหม่
ขณะที่ สิโรจน์ กล่าวว่า “ดีใจครับที่ผมยังมีส่วนร่วมในนามทีมชาติไทย เป็นความรู้สึกที่ดีมากๆครับที่ผมยังได้รับโอกาสอยู่”
“การฝึกซ้อมผ่านไปได้ด้วยดีครับ ทุกคนทำงานหนัก ทั้งโค้ชและนักเตะก็พยายามปรับตัวเข้าหากันให้มากที่สุด ผมรู้สึกว่า ราเยวัช เป็นโค้ชที่เปิดใจกว้างมากๆครับ เขาเปิดโอกาสให้เราพูดคุยตลอด อย่างเช่นมีอะไรแนะนำ ก็สามารถพูดกับเขาได้ สามารถบอกเขาได้ มันทำให้เราสบายใจกันมากๆครับ ซึ่งเราต้องพยายามเรียนรู้ให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะในเรื่องแท็คติคและระบบการเล่นครับ”
สิโรจน์ พูดถึงกุนซือวัย 63 ปี ต่อว่า “เขาเป็นโค้ชที่เน้นระบบเป็นหลัก เวลาเกมรับต้องรัดกุม รับให้แน่น พยายามยืนเป็นโซนคุมพื้นที่ให้ดี ถือว่าเป็นโค้ชที่ละเอียดมากๆครับ ผมก็จะพยายามเก็บเกี่ยวประสบการณ์ตรงนี้ให้มากที่สุด”
“ส่วนบรรยากาศในทีมก็โอเคครับ ผู้เล่นใหม่และเก่า ก็ปรับตัวเข้าหากันได้ดี เราอยู่กันเหมือนพี่น้อง ไม่มีใครแตกแยกออกไปครับ”
“แน่นอนผมก็คาดหวังว่าจะติดเป็น 23 คนสุดท้าย จะพยายามทำงานให้หนักและเต็มที่เหมือนเดิม ส่วนเรื่องเกมการแข่งขันแม้ว่าจะไม่มีผลอะไร แต่ผมยืนยันได้เลยว่าทุกคนยังมุ่งมั่นเกินร้อย ทุกนัดที่เราลงเล่นให้ทีมชาติไทยมันมีความหมายเสมอ ก็อยากฝากแฟนบอลเป็นกำลังใจให้เราต่อไป หนึ่งในพลังขับเคลื่อนสำคัญก็คือแฟนบอลครับ”
ขณะเดียวกัน สิโรจน์ ยังกล่าวถึง โซรัน ยานโควิช ผู้ช่วยผู้ฝึกสอนในตำแหน่งโค้ชกองหน้า อดีตทีมชาติบัลแกเรีย รุ่นเดียวกับ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ในการลุยศึกยูโร รอบสุดท้าย เมื่อปี 2004 ว่า “โซรัน เป็นโค้ชกองหน้าที่เก่งมากๆครับ เขาเป็นศูนย์หน้ามาก่อน ผมรู้สึกว่าเขานำประสบการณ์มาถ่ายทอดกับเราได้ดีมาก ทั้งเรื่องของไทม์มิ่ง การยิงประตู การเข้าทำ และเทคนิคการจบสกอร์ ถือว่าเป็นประโยชน์กับเรามากครับ ที่สำคัญเขาเข้ากับทุกคนได้ดีครับ”
สำหรับ ทีมชาติไทย จะปักหลักฝึกซ้อมที่ เกียรติธานี คันทรี คลับ จากนั้นจะตัดผู้เล่นจากทั้งหมด 35 รายเหลือ 23 ราย วันที่ 3 มิถุนายน ก่อนเดินทางไปอุ่นเครื่องพบกับ ทีมชาติอุซเบกิสถาน ภายใต้ปฏิทินฟีฟ่าเดย์ วันที่ 6 มิถุนายน ต่อด้วยเปิดบ้านพบกับ ทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ในฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย นัดที่ 8 วันที่ 13 มิถุนายน ต่อไป
เครดิต : FA Thailand