สมาคมฯ ขอบคุณผู้สมัครทุกคนพร้อมเล่าความสำคัญ สภากรรมการ เพื่อฟุตบอลไทย
หลังจากเสร็จสิ้นและปิดการรับสมัครนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยและสภากรรมการเป็นที่เรียบร้อย (9 ธันวาคม) เหนือสิ่งอื่นใด สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ใคร่ขอแสดงความขอบคุณไปยังผู้สมัครทุกๆ ท่าน ที่ให้ความสนใจและมีหัวใจที่เปี่ยมล้นที่จะพัฒนาวงการฟุตบอลไทยในวาระหน้าต่อไป
การเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยครั้งใหม่กำลังคึกคักกันอย่างมาก ผู้ท้าชิงตำแหน่งต่างทยอยตบเท้าเดินทางมายื่นใบสมัครกันเป็นที่เรียบร้อย
นอกจากไฮไลท์สำคัญที่ตัวนายกสมาคมแล้ว ผู้สมัครแต่ละรายยังมีการเปิดตัวทีมงานของตัวเองที่หวังจะให้เข้ามาทำหน้าที่ในตำแหน่งอุปนายกสมาคมและสภากรรมการด้วยเช่นกัน
สภากรรมการ จิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญของการบริหารฟุตบอลไทย
สภากรรมการ หรือคณะกรรมการบริหารของสมาคมนั้นถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนฟุตบอลไทยให้ดำเนินกิจกรรมต่างๆ ไปได้อย่างลุล่วง โดยมีอำนาจหน้าที่ในการดูแลและบริการจัดการกิจการทุกอย่างของสมาคม
ไม่ว่าจะเป็น การจัดประชุมหรือการลงมติพิจารณาเรื่องต่างๆ การออกและรับรองระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการแข่งขัน การแต่งตั้งผู้ฝึกสอนและฝ่ายเทคนิค ไปจนถึงการแต่งตั้งประธานและคณะกรรมการทุกฝ่าย เช่น ประธานพิจารณาผู้ตัดสิน ประธานจัดการแข่งขัน คณะกรรมการดูแลสิทธิประโยชน์ ฯลฯ
โดยสภากรรมการจะต้องประกอบด้วยกรรมการจำนวน 19 คน แบ่งเป็น นายกสมาคม 1 คน อุปนายกสมาคม 5 คน และกรรมการกลาง 13 คน
พร้อมกันนี้ตามระเบียบข้อบังคับ ข้อ 37.6 สภากรรมการยังต้องประกอบด้วย กรรมการที่เป็นสมาชิกของสมาคมจำนวนไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนสภากรรมการทั้งหมด และกรรมการกลางต้องเป็นสตรีอย่างน้อย 1 คน
การที่ต้องแบ่งสัดส่วนให้สภากรรมการมีทั้งผู้ที่มาจากสโมสรสมาชิกและกลุ่มบุคคลทั่วไปนั้น ก็เพื่อให้เกิดความหลากหลายและมีบุคลากรที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านอยู่ในคณะทำงาน ทั้งผู้ที่มีประสบการณ์ในกีฬาฟุตบอล ผู้ที่เชี่ยวชาญด้านการเงินการบัญชี หรือผู้ที่มีความรู้ในการบริหารจัดการด้านต่างๆ เป็นต้น
ขณะเดียวกันการที่ข้อบังคับกำหนดให้สภากรรมการต้องมาจากสโมสรสมาชิกของสมาคมถึง 2 ใน 3 ก็เพราะพวกเขาเหล่านี้คือคนฟุตบอลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรง รวมถึงมีความรู้และความเข้าใจในวงการลูกหนังไทยเป็นอย่างดี
หากมีการดำเนินการใดๆ ไม่ว่าจะเป็น การบริหารจัดการ การออกระเบียบข้อบังคับ ตลอดจนโหวตลงมติเพื่อตัดสินใจเรื่องต่างๆ ย่อมต้องคำนึงถึงประโยชน์ของสโมสรสมาชิกเป็นหลัก
ที่สำคัญในการเลือกตั้งครั้งนี้ ข้อบังคับยังเปิดกว้างให้ผู้สมัครในแต่ละตำแหน่งทั้งนายกสมาคม อุปนายกสมาคม และกรรมการกลาง สามารถยื่นสมัครเองเป็นรายบุคคลได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีทีมงานหรืออยู่ในทีมงานของใคร
ดังนั้นสมาชิกผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนจึงสามารถเลือกได้ว่าอยากให้ใครเข้ามาทำหน้าที่ในแต่ละตำแหน่ง เพื่อให้เกิดประโยชน์กับวงการฟุตบอลไทยมากที่สุด โดยไม่จำเป็นว่าต้องเป็นทีมงานเดียวกันกับผู้สมัครนายกสมาคมที่มีการเปิดตัวกันไปแล้วหรือจะเลือกยกทีมเลยก็ย่อมได้
ท้ายที่สุดแล้ว สภากรรมการชุดใหม่จะมีหน้าตาอย่างไร ใครจะได้รับตำแหน่งใดบ้าง สโมสรสมาชิกจะเป็นผู้กำหนดอนาคตด้วยปลายปากกาของตนเอง ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567
ในนามของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เราขอขอบคุณทั้งผู้สมัครและทีมงานทุกๆ ท่าน ที่มีหัวใจรักฟุตบอลไทย และพร้อมจะขับเคลื่อนวงการฟุตบอลไทยไปข้างหน้า เราขอให้ทุกท่านโชคดี