ในที่สุด บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ก็เข้าเส้นชัยในไทยลีก ฤดูกาลนี้ ได้สำเร็จ หลังจากที่ต้องชะลอเวลามาถึง 3 นัด และนี่เปรียบเสมือนการเริ่มต้นในการกลับมาทวงความยิ่งใหญ่อีกครั้งของ พวกเขา
อย่างที่เคยเกริ่นไปในบทความก่อนหน้า “อิชิอิ กับ บุรีรัมย์” เคมีที่ลงตัว บทพิสูจน์ที่แท้จริง และความอดทน” ที่เราเคยบอกไว้ตั้งแต่ เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะเป็นแชมป์ ไทยลีก ในปีนี้แน่นอน เพียงแต่ว่ามันจะจบลงตอนไหน
และในที่สุดหลังจากที่พลาดโอกาสมาสามเกมติด บุรีรัมย์ ก็ทำได้สำเร็จ หลังบุกไปเอาชนะ หนองบัว พิชญ เอฟซี ทำให้พวกเขาไม่ต้องไปลุ้นต่อถึงเกมนัดสุดท้าย
แต่ภารกิจของ บุรีรัมย์ และ มาซาทาดะ อิชิอิ ปีนี้มันยังไม่จบ เพราะยังเหลือ บอลถ้วยอีกสองรายการ ที่พวกเขาต้องการทำให้ได้ เพื่อสร้างประวัติศาสตร์ กวาดทุกแชมป์ในเมืองไทย ให้ได้อีกครั้ง
– การรอคอยที่แสนยาวนาน
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา การพลาดแชมป์รายการสำคัญ รวมถึงไม่ได้ไปเล่นใน เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ทำให้ หลายคนต่างมองว่า บุรีรัมย์ กำลังอยู่ในจุดตกต่ำ และมีบางช่วงที่พวกเขาต้องตกไปถึงขั้น อยู่เลขสองหลัก ด้วยซ้ำ
เพราะมันคือเรืองจริง ว่าสำหรับ แบรนด์ปราสาทสายฟ้าแล้ว นี่คือสโมสรที่ทุกคนจะต้องคาดหวังว่าพวกเขาจะต้องมีแชมป์ติดมือเท่านั้น ถึงจะบอกได้ว่าพวกเขาไม่ล้มเหลว เพราะนี่คือสิ่งที่พวกเขาทำมาได้ตลอดในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา
และสุดท้าย การรอคอยที่แสนยาวนานก็หยุดลง หลังจากที่ต้องมีลุ้นเสียวตลอด 2-3 นัดหลังก่อนจะมาปลดล็อคได้สำเร็จ และมันก็โล่งใจอย่างมากสำหรับ ทุกคนที่เชียร์บุรีรัมย์ ที่ไม่ต้องลุ้นไปจนถึงเกมสุดท้ายทีจะต้องพบกับ สุพรรณบุรี เอฟซี ในวันที่ 7 พฤษภาคม
– จุดบกพร่องที่ทำเอาหายใจไม่ทั่วท้อง
คำถามที่เกิดคือ ทำไมบุรีรัมย์ ต้องมาลุ้นเสียวถึงขนาดนี้ ทั้งที่ความจริงพวกเขาควรจะปิดจ็อบได้ตั้งแต่ก่อน ฟีฟ่า เดย์ เดือนมีนาคม
คำตอบมันชัดเจนอยู่แล้วก็คือเรื่องของการรับมือกับสภาพกดดัน นี่คือปัญหาใหญ่ของนักเตะไทย หรือสโมสรไทย ทุกสโมสร ที่หากอยู่ในสถานการณ์แบบไม่กดดัน เล่นตามที่ซ้อม พวกเขาสามารถทำได้แบบสบาย เหมือนช่วงที่ผ่านมา ทีพวกเขาชนะได้อย่างต่อเนื่อง แบบสบายๆ
แต่พอมันถึงช่วงที่ว่า เห้ย เกมนี้ต้องชนะบีจี เพื่อเป็นแชมป์นะ หรือ ชนะขอนแก่น นัดหน้าจะได้ฉลองในบ้าน เห้ยเกมนี้ ต้องชนะเชียงราย นะ จะได้ฉลองในบ้าน แต่สุดท้าย ทั้งสามเกม พวกเขาชนะไม่ได้เลยสักเกม จนโดนบีจี ไล่จี้มา แต่เมือถึงเวลาในเกมที่หนองบัว พวกเขาเล่นอย่างผ่อนคลาย เล่นตามจังหวะของตัวเอง ไม่ต้องเร่งต้องรีบเพือทำประตู แต่รอจังหวะที่เหมาะสม และเข้าทำ เล่นตามสไตล์ของตัวเอง และสุดท้าย พวกเขาก็ทำได้
นี่คือปัญหาที่ชัดเจน กับการโดนกดดัน และมันจะมีปัญหา พยายามเร่งเพือปิดเกม เพื่อจะได้ชนะ และนี่คือการบ้านที่ อิชิอิ ต้องแก้ไข เพื่อที่จะคว้าแชมป์บอลถ้วยอีกสองรายการที่พวกเขายังอยู่เส้นทาง
เพราะหากมองเรื่องคุณภาพล้วนๆ ต้องยอมรับว่า ทั้งใน เอฟเอ คัพ หรือ ลีก คัพ บุรีรัมย์ ถูกมองว่าเป็นเต็งหนึ่ง ไม่ได้เป็นรองใคร คนนี้เจ็บมีคนนี้แทน เพราะฉะนั้น นี่คือการบ้านที่ต้องแก้ไข เพื่อเดินหน้าต่อไป
– ความท้าทายในฤดูกาลหน้า
จากปีที่ผ่านๆมา บุรีรัมย์ อยู่ในฐานะผู้ไล่ล่า วันนี้พวกเขากลับมาอยู่จุดเดิมอีกครั้ง ในฐานะ ผู้ที่ถูกไล่ล่า แต่ละสโมสร ทีเจอกับแชมป์เก่า ต่างต้องการเอาชะพวกเขา เพื่อให้ได้มียี่ห้อติดตัวว่า “กูล้มแชมป์เก่าได้เว้ย”
ทีสำคัญที่น่าจับตาคือ ปีหน้า มีหลายทีมที่พร้อมที่จะก้าวขึ้นมาท้าทาย ไม่ว่าจะเป็น บีจี ปทุม ยูไนเต็ด อดีตแชมป์เมื่อฤดูกาลก่อน ของ มาโกโตะ เทกุระโมริ ที่ทำผลงานได้อย่างน่ากลัว รวมไปถึง ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด หรืออาจจะรวมไปถึง ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด, ชลบุรี เอฟซี , เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่พร้อมจะท้าทาย
แน่นอนว่า บุรีรัมย์ เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาแล้วหลายครั้งกับการเป็นผู้ถูกไล่ล่า สิ่งสำคัญคือ ถ้าหากพวกเขากวาดแชมป์ทุกรายการได้ สิ่งสำคัญคือการพยายามรักษาไฟ รักษาความกระหาย
การเป็นแชมป์ว่ายากแล้ว การป้องกันแชมป์คือสิ่งที่ยากกว่า การได้แชมป์ปีนี้ มันเลยกลายเป็นเหมือนการเริ่มต้นใหม่ของ บุรีรัมย์ อีกครั้ง
ขอแสดงความยินดี ด้วยรัก จาก “บวกสิบ บอลไทย”