นายวรวีร์ มะกูดี อดีตนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้ฟ้องแย้งกรณีที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ยื่นฟ้องต่อศาลขอให้นายวรวีร์ เปิดทางภาระจำยอมหรือทางจำเป็นเพื่อเป็นทางเข้าออกศูนย์ฝึกฟุตบอล หนองจอก
เนื่องจากที่ดินที่ตั้งอาคารที่ทำการ อาคารที่พักนักกีฬา และสนามฝึกซ้อมรวมสองแปลงถูกปิดล้อมโดยที่ดินของนายวรวีร์ จนไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ นั้น
โดย นายวรวีร์ ได้ให้การปฏิเสธเปิดทางภาระจำยอมหรือทางจำเป็นเพื่อเข้าศูนย์ฝึกหนองจอก และได้ฟ้องแย้งอ้างว่าสมาคมฯ เนรคุณ จึงขอเรียกที่ดินทั้งหมดคืน หากไม่คืนต้องชดใช้เงินจำนวน 50 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี พร้อมระบุเงินทุกบาทที่ใช้ในการสร้างศูนย์ฝึกเป็นเงินของตน ดังนี้
1. ให้สมาคมฯ โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 73246, 73247 และ 409 ตำบลหนองจอก อำเภอหนองจอก กรุงเทพมหานคร รวม 3 แปลงคืน โดยให้สมาคมฯ เป็นผู้ชำระค่าธรรมเนียม และอากรแสตมป์ ตลอดจนภาษีเงินได้ในการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งสามแปลงแต่เพียงผู้เดียว
2. หากไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้ง 3 แปลง ตามข้อ 1. คืนได้ ให้สมาคมฯ ชดใช้ราคาที่ดินทั้ง 3 แปลงเป็นเงิน 50 ล้านบาท (ห้าสิบล้านบาทถ้วน) พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องแย้งเป็นต้นไป จนกว่าสมาคมฯ จะชำระเงินเสร็จ โดยอ้างว่าสมาคมฯ เนรคุณ
ล่าสุด ศาลจังหวัดมีนบุรี มีคำสั่งว่า การฟ้องแย้งของนายวรวีร์ ว่า สมาคมประพฤติเนรคุณ ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ที่สมาคมฟ้องขอให้เปิดทางจำเป็นหรือภาระจำยอม จึงไม่รับฟ้องแย้งของนายวรวีร์
ทั้งนี้ นายวรวีร์ ยังขอแก้ไขคำให้การที่เคยให้ไว้เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2561 ว่าเงินที่ใช้ในการก่อสร้างอาคารที่ทำการและสถานที่ฝึกซ้อมเป็นของนายวรวีร์ทั้งสิ้น
โดยขอให้การใหม่ว่า “สมัยที่นายวรวีร์ ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฯ นายวรวีร์เป็นผู้ดำเนินการขอการสนับสนุนโครงการก่อสร้างสนามหญ้าเทียม และตึกทำการ ตลอดจนสาธารณูปโภค สำหรับที่ดินและอาคารของสมาคม บนที่ดินที่นายวรวีร์ ยกให้สมาคมฯ จากฟีฟ่า” แทน
ทั้งนี้ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ไม่มีเจตนาที่จะสร้างความขัดแย้งจากการนำข้อมูลดังกล่าวออกมาเผยแพร่ แต่เพื่อให้ประชาชนและแฟนบอลชาวไทย
รับทราบความคืบหน้าของการทวงสิทธิ์ในกรณีขอเปิดทางภาระจำยอมหรือทางจำเป็น เพื่อเข้าไปใช้ประโยชน์จากการพัฒนานักกีฬาฟุตบอลภายในศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ หนองจอก
ตามเจตนารมณ์ของการสนับสนุนงบประมาณของ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า ในการยกระดับ, ปรับปรุง,พัฒนาและสนับสนุนให้กีฬาฟุตบอลให้กระจายไปทั่วโลก และเข้าถึงทุกคน
นายวรวีร์ มะกูดี อดีตนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้ฟ้องแย้งกรณีที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ยื่นฟ้องต่อศาลขอให้นายวรวีร์ เปิดทางภาระจำยอมหรือทางจำเป็นเพื่อเป็นทางเข้าออกศูนย์ฝึกฟุตบอล หนองจอก เนื่องจากที่ดินที่ตั้งอาคารที่ทำการ อาคารที่พักนักกีฬา และสนามฝึกซ้อมรวมสองแปลงถูกปิดล้อมโดยที่ดินของนายวรวีร์ จนไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ นั้น
โดย นายวรวีร์ ได้ให้การปฏิเสธเปิดทางภาระจำยอมหรือทางจำเป็นเพื่อเข้าศูนย์ฝึกหนองจอก และได้ฟ้องแย้งอ้างว่าสมาคมฯ เนรคุณ จึงขอเรียกที่ดินทั้งหมดคืน หากไม่คืนต้องชดใช้เงินจำนวน 50 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี พร้อมระบุเงินทุกบาทที่ใช้ในการสร้างศูนย์ฝึกเป็นเงินของตน ดังนี้
1. ให้สมาคมฯ โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 73246, 73247 และ 409 ตำบลหนองจอก อำเภอหนองจอก กรุงเทพมหานคร รวม 3 แปลงคืน โดยให้สมาคมฯ เป็นผู้ชำระค่าธรรมเนียม และอากรแสตมป์ ตลอดจนภาษีเงินได้ในการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งสามแปลงแต่เพียงผู้เดียว
2. หากไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้ง 3 แปลง ตามข้อ 1. คืนได้ ให้สมาคมฯ ชดใช้ราคาที่ดินทั้ง 3 แปลงเป็นเงิน 50 ล้านบาท (ห้าสิบล้านบาทถ้วน) พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องแย้งเป็นต้นไป จนกว่าสมาคมฯ จะชำระเงินเสร็จ โดยอ้างว่าสมาคมฯ เนรคุณ
ล่าสุด ศาลจังหวัดมีนบุรี มีคำสั่งว่า การฟ้องแย้งของนายวรวีร์ ว่า สมาคมประพฤติเนรคุณ ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ที่สมาคมฟ้องขอให้เปิดทางจำเป็นหรือภาระจำยอม จึงไม่รับฟ้องแย้งของนายวรวีร์
ทั้งนี้ นายวรวีร์ ยังขอแก้ไขคำให้การที่เคยให้ไว้เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2561 ว่าเงินที่ใช้ในการก่อสร้างอาคารที่ทำการและสถานที่ฝึกซ้อมเป็นของนายวรวีร์ทั้งสิ้น
โดยขอให้การใหม่ว่า “สมัยที่นายวรวีร์ ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฯ นายวรวีร์เป็นผู้ดำเนินการขอการสนับสนุนโครงการก่อสร้างสนามหญ้าเทียม และตึกทำการ ตลอดจนสาธารณูปโภค สำหรับที่ดินและอาคารของสมาคม บนที่ดินที่นายวรวีร์ ยกให้สมาคมฯ จากฟีฟ่า” แทน