หากย้อนกลับไปในช่วงก่อนเปิดฤดูกาล หลายคนต่างมองว่า บีจี ปทุม ยูไนเต็ด นี่แหละที่พร้อมจะก้าวขึ้นมาท้าทายความยิ่งใหญ่ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่เพิ่งคว้าสามแชมป์ แต่เพียงแค่ชั่วพริบตา พวกเขาได้กลับมาสู่สารบบเดิมคือการยืนกลางตาราง
ทันทีที่เสียงนกหวีดยาว ในเกมล่าสุดที่ บีจี สเตเดียม แฟนบอลเจ้าถิ่นเริ่มส่งเสียงโห่ เกี่ยวกับฟอร์มการเล่น และผลงานของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เพราะก่อนเปิดฤดูกาลพวกเขาคาดหวังอย่างสูง ที่จะยกระดับฟอร์มของตัวเองขึ้นมา และท้าทายความยิ่งใหญ่ในฟุตบอลไทย แต่ตอนนี้ บีจี ในมือของ แมตต์ สมิธ หมดสิ้นแล้วทุกอย่างแม้แต่ ศรัทธาของ แฟนบอล
ย้อนกลับไปช่วงก่อนเริ่มไทยลีก บีจี ได้รับการจับตา ถึงขั้นว่าเป็นเต็ง 1 ร่วมกับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในการไล่ล่าแชมป์รายการต่างๆ เพราะด้วยผลงานในช่วงที่ มาโกโตะ เทกุระโมริ คุมทีม รวมถึงการสร้างประวัติศาสตร์ บนเวที เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก
แต่แล้วหลังจากไทยลีกเริ่มมาไม่กี่นัด เขากลายเป็นโค้ชคนแรกที่ตกเก้าอี้ และบีจี ตัดสินใจดึงตัว แมตต์ สมิธ เข้ามาแทน พร้อมชูนโยบายดีเอ็นเอ และสุดท้าย ภาพ ณ ปัจจุบันก็อย่างที่เห็น กว่าจะยิงได้แต่ละประตูก็ลำบาก การจะเสียประตูแต่ละนัดก็ดูเหมือนง่าย ความผิดพลาดเกิดขึ้นครั้งแล้ว ครั้งเล่า จากบอลที่มีคอนเซปต์ชัดเจน กลายเป็น สะเปะสะปะ จากเน้นการครองบอล กลายเป็นเน้นเกมรับเป็นหลัก
มันผิดตั้งแต่การติดกระดุมเม็ดแรก
แน่นอนว่า สถานการณ์ของ บีจี ยิ่งแก้ตอนนี้ก็ดูยุ่งเหยิงไปหมด เพราะในเมื่อกระดุมเม็ดแรกของคุณติดผิดแล้ว กระดุมเม็ดที่เหลือที่ตามมา ก็ยากที่จะทำให้มันถูกต้อง กระดุมเม็ดแรก ตอนนี้พวกเขาต้องหามันให้เจอ เพราะหากไม่แก้ไข สุดท้ายยังไงพวกเขาก็คงกลับสู่เส้นทางไม่ได้
ทุกนิ้วตอนนี้ ชี้ไปที่ แมตต์ สมิธ ที่เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน ณ ปัจจุบัน เพราะตอนนี้เกิดเครื่องหมายคำถามเต็มไปหมด แม้แน่นอน ว่าผลงานที่แย่ มันก็อาจจะมาจากการที่มีนักเตะเจ็บยาวเป็นหางว่าว แต่ผู้ที่ทำหน้าที่โค้ช ก็โดนตั้งคำถามว่าควรดีกว่านี้ไหม
ในช่วงพักเบรคระหว่างเลก นอกจาก ธีรศิลป์ แดงดา และ สารัช อยู่เย็นที่โดนเรียกตัวไปติดทีมชาติ ในศึกชิงแชมป์อาเซียน พวกเขาเตรียมทีมอย่างไร มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย ช่วงเวลาสองเดือน ทั้งที่เลกแรกก็ฟอร์มไม่ได้แย่ แต่พอออกสตาร์ทเลกสองมันแย่กว่าเดิม และคนที่ไม่ได้ซ้อมกับทีม อย่าง สารัช และ ธีรศิลป์ กับกลายเป็นตัวแบกสโมสร
ธีรศิลป์ แดงดา กับการแบกกระต่ายในวัย 34 ปี
หลังจากที่ อิคซาน ฟานดี้ เจ็บไป ธีรศิลป์ แดงดา ในวัย 34 ปี กลายเป็นทุกอย่างของ บีจี โดยเฉพาะการพังประตู ในวันที่ ไม่มีธีรศิลป์ บีจี เปรียบเหมือนกระต่ายเขี้ยวกุด ที่ไม่สามารถกัดหรือเฉาะใครได้
แต่อย่าลืมว่าปัจจุบัน ตัวเขาอายุ 34 ปี แล้ว และสภาพร่างกายก็ไม่เคยเต็มร้อยเลย แต่ตอนนี้ต้องมาแบกทีม ก่อนหน้านี้ ตอนปลด โค้ชเทกุ ประธานบอกว่า เพราะฝืนใช้แต่มุ้ย ถ้าจับเป็นโกลได้ คงทำไปแล้ว และดูตอนนี้สิ มันแทบไม่ได้แตกต่างอะไรเลย
มันกลายเป็นสัญลักษณ์ว่าเกมที่มุ้ยลง คือเกมที่เน้น แต่เกมที่มุ้ยไม่ลงคือไม่เน้น โยนทิ้งไปเลย และแฟนบอลทุกคนต่างก็เห็นพ้องเป็นเสียงเดียวกัน เหมือนอย่างที่ผ่านมาก่อนหน้านี้
อัฒจันทร์สี่ด้าน และโครงสร้างของสโมสร
แน่นอนว่า สิ่งที่บีจี ทำหลายอย่างเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม ทั้งการขยายโครงสร้าง สนามซ้อมเอย รวมถึง อัฒจันทร์อีกด้าน ที่เตรียมจะเริ่มต้นก่อสร้าง ซึ่งถือเป็นเรื่องดี
แต่ ณ ตอนนี้ สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากกว่า คือเรื่องในสนามที่เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะหากเปรียบเหมือนร้านอาหาร บีจี ตอนนี้ สภาพร้านน่าเข้าไปทาน อากาศเย็นสบาย แต่รสชาติอาหาร ณ ตอนนี้ ถ้าใครได้ชิมก็คงเซย์โน
เปรียบกับ เชลซี
แน่นอนว่าสถานการณ์ของ บีจี ตอนนี้ ก็คงไม่ต่างกับ เชลซี ทั้งเรื่องฟอร์มการเล่นและผลการแข่งขัน เพราะต้องยอมรับว่าทั้งสองทีมต่างลงทุนเสริมทัพไปมากมาย แต่ผลงาน หรืออะไรก็แล้ว แต่ต่างจับต้องไม่ได้เลย
ครั้นตอนนี้ การจะปลดโค้ช ไม่ว่า แกรม พอตเตอร์ หรือ แมตต์ สมิธ ก็คงเป็นเหมือนการกลืนน้ำลายของ เบื้องบน ที่ตัดสินใจไม่ให้เวลา โธมัส ทูเคิล และ มาโกโตะ เทกุระโมริ
ณ ตอนนี้สิ่งสำคัญคือ การหากระดุมเม็ดแรกให้เจอ กลัดมันออกมาซะ และเริ่มใหม่ เพราะเมื่อคุณยังหาไม่เจอ ต่อให้คุณพยายามแทบตายสุดท้าย มันก็มั่ว และยิ่งแก้ ก็ยิ่งพัง คิดว่าตอนนี้แฟนบอลบีจี หลายคน น่าจะรู้แล้วแหละว่า กระดุมเม็ดแรก อยู่ตรงไหน อยู่ที่ ข้างบนของสโมสรจะกล้ากลืนน้ำลายตัวเองและแก้ไขหรือไม่