วีระเทพ ป้อมพันธ์ เชื่อว่าการสื่อสาร ถือเป็นสิ่งสำคัญมาก ที่จะทำให้ ทีมชาติไทย ไปถึงเป้าหมายในซีเกมส์
วีระเทพ ป้อมพันธุ์ เชื่่อว่าการสื่อสาร เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับ ทีมชาติไทย ในการจะไปให้ถึงเป้าหมาย ใน ซีเกมส์
ทีมชุดดังกล่าวมีทั้งนักเตะไทย และลูกครึ่งมากมาย และผ่านสองเกมแรก ด้วยการมีสามแต้ม
“เกมแรกที่พวกเราแพ้มาเลเซีย ผมคิดว่าโมเมนตั้มทีมของเราเปลี่ยนไปตั้งแต่เสียเปรียบตัวผู้เล่น ทำให้สถานการณ์ตอนนั้นมันยากลำบากมากและบังคับให้พวกเราต้องเล่นเกมรับ แต่เกมล่าสุดที่เอาชนะสิงคโปร์ได้ ต้องยกเครดิตให้ทุก ๆ คนในทีมที่เก็บข้อผิดพลาดจากเกมแรกมาปรับแก้จนทำให้เรามีผลงานที่ดี โดยเฉพาะการสื่อสารภายในทีม” วีระเทพ กล่าว
“แมตช์แรกเราพลาดเป้าหมายสามคะแนนไป ซึ่งหลังจบเกมนั้นทุกคนในทีมรู้ดีว่าไม่สามารถพลาดได้อีกแล้ว เพราะหมายถึงโอกาสการเข้ารอบต่อไปก็ริบหรี่ ทุกคนร่วมใจกันสู้ ทำหน้าของตัวเองตามที่โค้ขมาโน่ โพลกิ้ง มอบหมาย ทั้งสตาฟฟ์โค้ชและเพื่อนร่วมทีมพยายามให้กำลังใจกันมากขึ้น ทำให้รูปเกมและแท็คติกในเกมกับสิงคโปร์ดีขึ้น จนทำให้เราได้ผลการแข่งขันที่ยอดเยี่ยม”
“ในมุมมองของผมคิดว่าคู่แข่งไม่ว่าจะมาจากประเทศไหนในอาเซียน ทุกทีมล้วนมีคุณภาพทั้งสิ้น แต่ในระดับรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ผมคิดว่าคุณภาพอาจจะยังห่างกับทีมชุดใหญ่ แต่ในเรื่องแท็คติกโดยรวมไม่ต่างกันมาก ทัวร์นาเมนต์ซีเกมส์ครั้งนี้เต็มไปด้วยผู้เล่นดาวรุ่งอายุน้อย ซึ่งเรื่องประสบการณ์เป็นสิ่งที่ต้องลงไปเรียนรู้เองในสนาม แต่ผมเชื่อว่าทุกทีมเป็นทีมที่ดีและเราไม่สามารถประมาทได้เลย”
“ปัจจัยที่ทำให้ผมมีฟอร์มการเล่นที่ดีตลอดสองเกมแรก คิดว่าต้องยกเครดิตให้เพื่อนร่วมทีมทุกคน เพราะผมพยายามเข้าไปพูดคุยและสื่อสารกับน้อง ๆ ตลอดครับ”
“กระตุ้นทุกคนหลังจบเกมแพ้มาเลเซียให้กลับไปดูข้อผิดพลาดของตัวเองและรีบแก้ไข ทุกคนเรียนรู้และตอบสนองได้ดีมาก ๆ จะเห็นได้ชัดว่าเกมที่เราเอาชนะสิงคโปร์ 5-0 ทุกคนเล่นได้ยอดเยี่ยมมาก ๆ เกมฟุตบอลระดับนี้ในช่วงอายุที่เท่า ๆ กัน ผมคิดว่าถ้าใครมีข้อผิดพลาดที่น้อยที่สุด นั่นเป็นโอกาสที่จะทำให้ทีมประสบความสำเร็จได้”
“ผู้เล่นทุกคนในทีมของเรามีคุณภาพอยู่แล้วครับ รวมถึงน้อง ๆ ที่มาสมทบทีมอีก 3 คน ผมเชื่อมั่นในตัวทุกคนว่านี่คือกลุ่มผู้เล่นที่จะพาทีมชาติไทยประสบความสำเร็จได้ แต่การจะพัฒนาตัวเองและพัฒนาทีมให้ดีขึ้นได้ ก็ต้องเรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากเกมระดับนี้ให้ได้มากที่สุด เรียนรู้วิธีการเล่นของทีม ระบบของโค้ช พวกเราอาจจะมีเวลาฝึกซ้อมร่วมกันไม่มากเท่าทีมอื่น แต่ผมคิดว่าทุกคนเข้าใจแท็คติกของโค้ชมาโน่เป็นอย่างดี”
“ผมดีใจมากที่ได้รับโอกาสเป็นหนึ่งในนักเตะโควตาอายุเกินครั้งนี้ ทำให้ผมได้ร่วมงานกับน้อง ๆ อีกหลายคน หลายคนยังไม่เคยได้เล่นด้วยกันทั้งนักเตะที่ค้าแข้งในต่างประเทศรวมถึงน้อง ๆ ที่เป็นลูกครึ่ง”
“แต่ผมเป็นคนที่ชอบเรียนรู้ มักจะเตรียมตัวก่อนแข่งเสมอว่านักเตะแต่ละคนเวลาลงไปในสนามเขาจะเล่นอย่างไร พยายามเข้าไปพูดคุยและสื่อสารกันให้มากขึ้น เพื่อที่ตัวเองจะได้เล่นร่วมกับพวกเขา (นักเตะลูกครึ่ง) เหล่านี้ได้”
“แม้จะไม่เคยเล่นด้วยกันมาก่อน แต่ผมคิดว่าการปรับตัวเรื่องนอกสนามมันสามารถช่วยยกระดับทีมเวิร์คได้ เพราะแต่ละคนมีคุณภาพอยู่แล้ว มันจะส่งผลต่อผลงานในสนามครับ”
“บรรยากาศในทีมตอนนี้ดีมาก ๆ ครับ สตาฟฟ์โค้ช, เพื่อนร่วมทีม และเจ้าหน้าที่ทุกคนแสดงออกถึงความมุ่งมั่นและเราจะรักษาโมเมนตั้มนี้ไว้ ที่สำคัญพวกเราจะลดข้อผิดพลาดของตัวเองและโดยรวมให้น้อยที่สุด ตั้งใจทำตามเป้าหมายให้ได้นั่นคือประสบความสำเร็จ ผมเชื่อว่าพวกเรามีทีมเวิร์คที่ดี ทุกคนเข้าหากันและเข้าใจกันมากขึ้น หวังว่าพวกเราจะประสบความสำเร็จในรายการนี้”
“ด้วยแท็คติกของโค้ชมาโน่ผมไม่เป็นห่วง เพราะโค้ชรู้อยู่แล้วว่าจะต้องเล่นอย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่เราต้องรีบปรับจูนก็คือต้องเล่นให้เข้าขากันมากขึ้น ทีมเวิร์คในสนามสำคัญมาก พวกเรายังมีเวลาฝึกซ้อมพอสมควรก่อนลงเล่นสองเกมสุดท้าย นั่นคือช่วงสำคัญที่จะทำให้เราแก้ไขและสร้างทีมให้แข็งแกร่งมากขึ้น”