“ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รอเช็กฟิต มาร์คัส แรชฟอร์ด แต่จะได้กองกลาางตัวหลัก นั่นก็คือ คาเซมิโร่ พ้นโทษแบนในเกมบนเกาะอังกฤษกลับมายืนคุมเกมนัดดวลแข้งกับ “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล หมดสิทธิ์ใช้งาน นิค โป๊ป นายด่านจอมหนึบยืนเฝ้าเสาติดโทษแบนในศึกฟุตบอลคาราบาว คัพ รอบชิงชนะเลิศ คืนวันที่ 26 ก.พ.นี้
ความพร้อมของทั้งสองทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด VS นิวคาสเซิ่ล ในศึกคาราบาว คัพ รอบชิงชนะเลิศ
คาราบาว คัพ รอบชิงชนะเลิศ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด VS นิวคาสเซิ่ล
สนาม : เวมบลีย์ สเตเดี้ยม
เวลา : 23.30 น.
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เส้นทางสู่รอบชิงชนะเลิศ
รอบ 3 : ชนะ แอสตัน วิลล่า 4-2 (เหย้า)
รอบ 4 : ชนะ เบิร์นลีย์ 2-0 (เหย้า)
รอบ 8 ทีมสุดท้าย : ชนะ ชาร์ลตัน 3-0 (เหย้า)
รอบรองชนะเลิศ นัดแรก : ชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 3-0 (เยือน)
รอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 : ชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 2-0 (เหย้า)
คาดว่ากุนซือ เอริค เทน ฮาก จะปรับทัพจากเกมล่าสุดที่เปิดบ้านไล่ต้อน เลสเตอร์ 3-0 ในศึกพรีเมียร์ลีก เพื่อลุ้นเก็บชัยคว้าแชมป์รายการนี้ให้ได้อีกครั้ง หลังห่างหายมานานถึง 6 ปีแล้ว นับตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่ได้เข้าป้ายแชมป์เมื่อปี 2017 แม้จะหมดสิทธิ์ใช้งานนักเตะหลายคน แต่ยังมีผู้เล่นฝีเท้าดีให้เลือกใช้งานได้อีหลายราย และจะได้ คาเซมิโร่ กลับมาช่วยทีมด้วยเช่นกัน แนวรับพร้อมให้ ราฟาเอล วาราน กับ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ลงไปยืนเป็นกองหลังคูู่กัน แดนกลางยังคงไร้ คริสเตียน อีริคเซ่น ได้รับบาดเจ็บ เช่นเดียวกับ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค แต่จะได้ คาเซมิโร่ พ้นโทษแบนในเกมบนเกาะอังกฤษทั้งหมด 3 เกมเพื่อกลับมายืนคุมมแผงมิดฟิลด์ และคาดว่า เฟรด น่าจะได้ลงไปยืนคู่กัน ทำให้ มาร์เซล ซาบิทเซอร์ ส่อหลุดไปนั่งเป็นตัวสำรอง แนวรุกไม่น่าจะมีการเปลี่ยแปลง โดยน่าจะได้ มาร์คัส แรชฟอร์ด ฟิตกลับมาลงไปสวมบทเป็นปีกซ้าย และยังคงอยู่ในฟอร์มสุดเฉียบจากการยิงประตูได้แบบต่อเนื่องเลย โดยจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ จาดอน ซานโซ่ ในตำแหน่งปีกขวา ส่วนในรายของ บรูโน่ แฟร์นันเดส เตรียมสวมบทเป็นเพลย์เมกเกอร์ในฐานะตัวปั้นเกมอยู่ด้านหลังของ เวาท์ เวกฮอร์สท ซึ่งพร้อมลงไปยืนค้ำเป็นกองหน้าตัวเป้าในช่วงที่ อองโตนี่ มาร์กซิยัล ยังไม่หายเดี้ยงนั่นเอง
11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 4-2-3-1
ดาบิด เด เคอา, ราฟาเอล วาราน, ลิซานโดร มาร์ติเนซ, ลุค ชอว์, ดิโอโก้ ดาโลต์, เฟรด, คาเซมิโร่, จาดอน ซานโซ่, บรูโน่ แฟร์นันเดส, มาร์คัส แรชฟอร์ด, เวาท์ เวกฮอร์ทส
นิวคาสเซิ่ล
เส้นทางสู่รอบชิงชนะเลิศ
รอบ 2 : ชนะ ทรานเมียร์ 2-1 (เยือน)
รอบ 3 : เสมอ คริสตัล พาเลซ 0-0 (เหย้า) – ชนะดวลจุดโทษตัดสิน 3-2
รอบ 4 : ชนะ บอร์นมัธ 1-0 (เหย้า)
รอบ 8 ทีมสุดท้าย : ชนะ เลสเตอร์ 2-0 (เหย้า)
รอบรองชนะเลิศ นัดแรก : ชนะ เซาแธมป์ตัน 1-0 (เยือน)
รอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 : ชนะ เซาแธมป์ตัน 2-1 (เหย้า)
คาดว่ากุนซือ เอ็ดดี้ ฮาว จะปรับทัพจากเกมล่าสุดที่แพ้ ลิเวอร์พูล 0-2 ในศึกพรีเมียร์ลีก เพื่อลุ้นคว้าแชมป์รายการนี้ให้ได้เป็นครั้งแรกในหน้าประวัติศาสตร์ของสโมสร หลังจากที่เคยทำได้ดีที่สุดเพียงแค่ตำแหน่งรองแชมป์เมื่อปี 1976 โน้นเลย แม้จะมีนักเตะขาดหายไปหลายคน แต่จะได้แข้งหลักกลับมาช่วยทีมด้วยเช่นกัน โดยผู้รักษาประตูหมดสิทธิ์ใช้งานมือหนึ่ง นั่นก็คือ นิค โป๊ป ติดโทษแบน เพราะถูกใบแดงไล่ออกจากสนามในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนในรายของ มาร์ติน ดูบราฟก้า ติดคัพไทจากตอนที่ถูกปล่อยให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยืมตัวไปใช้งาน และได้ยืนเฝ้าเสาให้ “ปีศาจแดง” ในรายการนี้มาแล้วด้วย ทำให้มือ 3 นั่นก็คือ ลอริส คาริอุส นายทวารตัวสำรองเตรียมได้รับส้มหล่นลงไปยืนเฝ้าเสาเป็นตัวจริง แนวรับพร้อมให้ สเวน บ็อตแมน ยืนเป็นกองหลังคู่กับ ฟาเบียน ชาร์ แดนกลางเตรียมส่ง บรูโน่ กีมาเรส กลับมาลงสนามอีกครั้ง เพราะว่าพ้นโทษแบนเรียบร้อยแล้ว เพื่อประสานงานกับ โจลินตอน และ ฌอน ลองสต๊าฟฟ์ แนวรุกเตรียมใช้งาน 3 ประสานเหมือนเดิม โดยพร้อมให้ อัลแล็ง แซงต์ มักซิแม็ง ลงไปสวมบทเป็นปีกซ้าย และจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ มิเกล อัลมิรอน ในตำแหน่งปีกขวา และพร้อมให้ อเล็กซานเดอร์ อิซัค สวมบทเป็นกองหน้สชาตัวเป้าต่อไป
11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนามเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 4-3-3
ลอริส คาริอุส, สเวน บ็อตแมน, ฟาเบียน ชาร์, แดน เบิร์น, คีแรน ทริปเปียร์, บรูโน่ กิมาเรส, ฌอน ลองสต๊าฟฟ์, โจลินตอน, อัลแล็ง แซงต์ มักซิแม็ง, มิเกล อัลมิรอน, อเล็กซานเดอร์ อิซัค
ผลที่คาด : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ นิวคาสเซิ่ล 2-0