วิทยา เลาหกุล ยอมรับว่า ชลบุรี เอฟซี เป็นรองบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทุกอย่าง แต่เชื่อว่าแนวทางของพวกเขาจะทำให้ผ่านไปได้
วิทยา เลาหกุล ยอมรับว่า ชลบุรี เอฟซี เป็นรอง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทุกอย่างแต่ด้วยแนวทางที่ขอปกปิดเป็นความลับจะสามารถจัดการได้
สำหรับ ชลบุรี ชนะมาติดต่อกันในบ้านช่วงหลัง และต้องเจอกับ บุรีรัมย์ จ่าฝูงที่ร้อนแรง
“เราไม่ได้เกร็งยามเจอบุรีรัมย์ แต่ถ้าดูสถิติ และคุณภาพนักเตะ บอกตรงๆ เราสู้เขาไม่ได้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นต่างชาติหรือไทย ปกติ ตามสถิติชลบุรี ไม่ใช่แค่กับบุรีรัมย์ หรือทีมทั่วไป เราจะเสียระหว่างทาง จังหวะสอง เราเสียเยอะมาก อีกอย่างคือ ความเด็ดขาดไม่ค่อยมี โอกาสกับทีมใหญ่ๆเรามีไม่เยอะ ก็เป็นจุดที่ต้องแก้ไข จุดอ่อนของชลบุรี มีเยอะมาก ทั้งอายุนักเตะ ประสบการณ์และสถิติอย่างที่บอก และถูกแย่งบอลที่เท้าเยอะเกินไป ตรงนี้คือสิ่งที่ผมปรับปรุงอยู่แล้ว อยู่ที่ว่านักเตะให้ความร่วมมือแค่ไหน และความเชื่อมั่นในแนวทางการเล่น ว่าเล่นแบบนี้จะเอาชนะได้ ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ทุกคนต้องเชื่อมั่นในแนวทางที่ทีมวางไว้ พยายามเกาะติดประสบการณ์ และรักษาไป อย่าลืมวิธีการ สิ่งที่เห็นคือ เรื่องเกมรับ ความชัดเจนจะรับตรงไหนอย่างไร ตรงนี้ ยังต้องปรับปรุงแก้ไข มีผู้นำในสนาม ไม่ใช่โค้ชต้องตะโกนตลอดเวลา” โค้ชเฮง กล่าว
“แนวทางของชลบุรี ตอนที่ผมเข้ามาทำ พยายามปรับเปลี่ยน ซึ่งเป็นแนวทางที่มันเกิดขึ้นบางครั้ง แค่นั้นในการเล่นนอกบ้าน แต่ในบ้านจะเกิดขึ้นบ่อยมาก ในเรื่องแนวทาง ด้วยแนวทางแบบนี้ ผมไม่บอกว่าเล่นอย่างไร แต่เด็กๆทำได้ เราจะเห็นว่าการสร้างโอกาส เยอะขึ้น และทำประตูได้เยอะ เกิดขึ้นแค่ในบ้าน ผมเชื่อว่าเกมในบ้านเราเล่นในแนวทางที่ทุกคนเข้าใจและทำตามมีโอกาสที่จะชนะ”
“สำหรับลิร่า ต้องปรับเยอะมาก โดยเฉพาะตำแหน่งในการเก็บบอล การสลัดตัวประกบ การเล่นร่วมกับเพื่อน ที่ยังมีปัญหา ถ้าเขาปรับปรุงตรงนี้ ผมคิดว่าเขาจะมีประสิทธิภาพ เขาเป็นกองหน้าคนเดียวที่เราไว้ใจได้ เช่นเดียวกับ มูริโล่ ที่เล่นทางขวา ถ้าเขาสมบูรณ์ เกมรุกด้านข้าง รวมถึงอมาดู จะเป็นจุดแข็งของชลบุรี ด้วย”
“ผมมั่นใจว่า ชลบุรี อยู่รอด เพราะเกมในบ้านทุกเกม เราสามารถอยู่รอดได้ นักเตะแต่ละคน แนวทางการเล่นของทีมพัฒนาเยอะมาก นักเตะเข้าใจ ผมต้องทำให้เด็กเชื่อมั่น เชื่อใจแนวทาง แค่แนวทางการเล่นอย่างเดียว มันเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพ ถ้าทุกคนเข้าใจ ทีมสามารถอยู่รอดได้”
“ผมอยากเข้ามาทำในปีหน้ามากกว่า แต่พอเหมือนโดนบังคับให้ทำก็ต้องทำให้ได้นักเตะส่วนใหญ่เป็นเด็กอคาเดมีที่เข้าใจฟุตบอลดีมาก สไตล์การเล่นแบบครองบอลจะไม่ใช่เลย เด็กๆต้องปรับ การซ้อมในแต่ละเซสชั่น ผมจะเน้นตรงนี้ทีมก็พัฒนาขึ้น แต่การเสียกลางทาง เสียที่เท้า เสียจังหวะสอง มันจะลดลงมาก หากนักเตะเล่นในแนวทางที่ทีมต้องการ บางครั้งนักเตะจะลืม และเล่นเหมือนเดิม ถ้าเขาเปลี่ยนและเข้าใจ ผมเชื่อว่าพักฟีฟ่า เดย์ เรามีเวลาปรับปรุง ฝึกซ้อมถ้าเด็กเข้าใจประสิทธิภาพจะสูงขึ้น”