“นกใหญ่พิฆาต”ชัยนาท ฮอร์นบิล ยืนยันอย่างเป็นทางการในการปล่อยตัว”กัปตันหน่อง”อนุวัติ น้อยชื่นพันธ์ ที่ย้ายไปร่วมทัพ”ปราสาทสายฟ้า”บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
สำหรับ”จ่าหน่อง” อนุวัติ น้อยชื่นพันธ์ ได้ย้ายมาร่วมทีมชัยนาท ฮอร์นบิล ในช่วงเลกที่สองของปี 2016 และอยู่กับทีมเรื่อยมา โดยในปี 2017 ที่ชัยนาท ฮอร์นบิล ต้องร่วงชั้นมาเล่นในไทยลีก 2 “อนุวัติ น้อยชื่นพันธ์” ถือได้ว่าเป็นกำลังสำคัญของทีมมาโดยตลอดก่อนที่จะพาทีมคว้าแชมป์ศึกเอ็ม-150 แชมป์เปี้ยนชิฟ 2017 มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่และพาทีมกลับขึ้นมาเล่นบนลีกสูงสุดได้อีกครั้ง
โดยทางด้านของคุณอนุรุทธิ์ นาคาศัย รองประธานสโมสรและผู้จัดการทีม ชัยนาท ฮอร์นบิล ได้ออกมาเปิดเผยถึงการย้ายทีมในครั้งนี้ของ”จ่าหน่อง”อนุวัติ น้อยชื่นพันธ์
“จ่าหน่อง” จะอยู่ในใจพวกเราตลอดไป
ในนามสโมสรขอเรียนชี้แจงเรื่องการย้ายของจ่าหน่องไปยังสโมสรบุรีรัมย์ฯ เป็นเรื่องปกติของวิถีฟุตบอล นักฟุตบอลที่ดีจากสโมสรเล็กๆ มักเป็นที่ต้องการของสโมสรใหญ่ๆเสมอ เมื่อนักเตะคนนั้นทำผลงานในขณะนั้นได้ดี ยกตัวอย่างเช่น ในอังกฤษเราจะเห็นสโมสรใหญ่ๆอย่าง แมนฯยูฯ, แมนฯซิตี้ฯ, เชลซี, ลิเวอร์พูล มักทุ่มเงินซื้อนักเตะที่ทำผลงานดีจากสโมสรเล็กๆเสมอ กรณีของหน่องก็เช่นเดียวกัน มันคือวิถีฟุตบอลอย่างแท้จริง ชัยนาท ฮอร์นบิล คือสโมสรขนาดเล็ก มีงบประมาณทำทีมไม่มากและจำกัด หรือเรียกได้ว่าน้อยที่สุดในไทยลีก ตลอด 2 ปีครึ่งที่ผมเข้ามาบริหารทีม เราผ่านมรสุมนานับประการ เราต้องลดขนาดทีมลง เราไม่มีเงินจ้างนักเตะดังที่ค่าจ้างแพงๆ เราเน้นสร้างดาวรุ่ง เราสร้างนักเตะโนเนมขึ้นมาให้มีชื่อเสียง ถึงวันนี้เราก็ผ่านมาได้ เพราะเรายึดในปรัชญา “ระบบต้องมาก่อนตัวผู้เล่น” ซึ่งเราจะยึดมั่นหลักการนี้ต่อไปเพื่อนำสโมสรดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืน
ส่วนเรื่องว่าทำไมต้องเป็นสโมสรนี้ ก็ไม่อยากให้คิดแบบนั้น เพราะในยุคที่ผมบริหารมีการซื้อขายให้กับสโมสรอื่นก่อนหน้านี้เพียง 3 ครั้ง คือ 1.หน่อง จิตปัญญา ไปบุรีรัมย์ฯ 2.กิ๊ฟ วันเฉลิม ไปเชียงรายฯ 3.ดร๊าฟ สุรเชษฐ์ ไปแบงค็อกฯ นอกนั้นเป็นการปล่อยตัวเพราะหมดสัญญา และจะเห็นได้ว่าการซื้อขาย 3 ครั้งหลัง เป็น 3 สโมสรที่แตกต่างกัน จริงๆการซื้อขายมีแบบนี้ทุกสโมสรเป็นเรื่องปกติ ชัยนาทอาจจะเป็นทีมที่การซื้อขายนักเตะน้อยที่สุดก็ได้ พอมีการซื้อขายขึ้นมาแฟนบอลจะรู้สึกไม่ดีกับสโมสรที่ซื้อตัว ซึ่งเราไม่อยากให้คิดแบบนั้น จึงได้ขอชี้แจงให้ทุกท่านได้ทราบถึงเหตุถึงผลตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น สโมสรของเรามีนโยบายเปิดโอกาสให้นักเตะทุกคน ถ้ามีสโมสรที่ดีกว่าสนใจ เราไม่เคยปิดกั้น เราไม่เคยโก่งราคาค่าตัว (ผมขอเรียนยืนยันว่า ตัวเลขค่าตัวที่ปรากฏในสื่อ เป็นการเสนอข่าวโดยไม่มีมูลความจริง และเกินเลยไปแบบที่ไม่ใกล้เคียงความเป็นจริงเลย อยากวิงวอนให้สื่อนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องภายใต้ความมี Ethics ด้วยครับ) เราจะให้นักเตะทุกคนคุยเรื่องรายละเอียดสัญญากับสโมสรใหม่ในเรื่องต่างๆ เช่น เงินเดือน สวัสดิการ โบนัส ฯลฯ หากนักเตะไม่พอใจ ไม่ยินยอม และปฏิเสธ เราก็จะปฏิเสธสโมสรนั้นๆเช่นกัน ดังนั้นจึงมั่นใจได้เลยว่าทุกดีลที่เกิดขึ้นเกิดจากการยินยอมพร้อมใจของทุกฝ่ายครับ
บางท่านอาจไม่ทราบว่าจ่าหน่องว่ามาชัยนาทได้อย่างไร ก็ขอเกริ่นให้ทราบว่า ก่อนตลาดเปิดเลก 2 ในปี 2559 ชัยนาทอยู่ในโซนตกชั้นมีอยู่เพียง 10 คะแนน ขณะนั้นผมพยายามหานักเตะที่คิดว่าจะมายกระดับทีมในเลก 2 และสุดท้ายผมได้สุดยอดนักเตะต่างชาติอย่าง ซินาม่า ปงโกลล์ ได้นักเตะไทยอย่าง ฉัตรชัย และ จักรกฤษณ์ จากแบงค็อก ยูไนเต็ด และ หน่อง อนุวัติ จากอาร์มี่ฯ และที่ไม่เคยเปิดเผยให้ใครทราบคือดีลการมาของหน่องถือว่าดีลที่ยากมากๆ เราต้องแข่งขันกับ 3-4 ทีม ผมต้องคุยกับหน่องด้วยตัวเองหลายครั้งจนเจ้าตัวตกปากรับคำมาชัยนาท การเติมเต็มในวันนั้นทำให้เราทำผลงานได้ดีขึ้นในเลก 2 จนมี 30 แต้ม จาก 31 นัด ห่างโซนปลอดภัยเพียง 1 คะแนน ก่อนจะมีการยุติการแข่งขันและปรับเราตกชั้นแม้จะเหลืออีก 3 นัดก็ตาม นักเตะอย่าง ปงโกลล์, หน่อง, ฉัตรชัย, ปิ่น, อาท, ลัก, มอส ยอมเซ็นสัญญากับเราต่อไปเพื่อช่วยนำทีมกลับมาสู่ลีกสูงสุดอีกครั้งให้ได้ และเราใช้เวลาเพียง 1 ปี ก็ทำได้สำเร็จด้วยการเป็นแชมป์ T2 ต้องขอบคุณนักเตะแกนหลัก นักเตะใหม่ สต๊าฟโค้ช และทีมงานของเราทุกคนที่ร่วมแรงรวมใจสู้กันแบบที่ทำงานหนักกันทุกคน โดยในกลุ่มบุคคลที่สำคัญที่สุดหนึ่งในนั้นคือ “จ่าหน่อง” กัปตันทีมใจเพชรของเรานั่นเอง
จากวันนั้น..จนถึงวันนี้…รวม 2 ปีเต็ม ที่จ่าหน่องอยู่กับทีมมา ความรัก ความผูกพัน ในสโมสรที่เปรียบเสมือนครอบครัว รักกันเหมือนพี่เหมือนน้อง พวกเรามีสุขมีทุกข์ร่วมกันมา สิ่งเหล่านี้อาจไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้หมด แต่เราทุกคนรู้สึกได้ด้วยใจ “กับตันหน่อง” เป็นแบบอย่างที่ดีของนักฟุตบอลอาชีพ มีวินัยสูง มีความเป็นผู้นำ ทุ่มเททั้งในสนามซ้อมและสนามแข่งขัน มีคุณสมบัติทุกอย่างที่นักฟุตบอลที่ดีควรจะมี การจากไปของหน่อง ผมทราบดีว่าแฟนบอลชัยนาททุกคนเสียใจและเสียดายมาก แต่อยากเรียนให้แฟนชัยนาททุกท่านทราบว่า พวกเราทุกคนในสโมสรก็เสียใจมากเช่นกัน ยิ่งโดยส่วนตัวผมแล้วผมรักหน่องเหมือนน้องชายแท้ๆ ผมเสียใจไม่ได้น้อยไปกว่าใครๆ หรืออาจจะมากกว่าใครๆก็ได้ครับ
ผมอยากให้แฟนบอลชัยนาททุกท่านมองในแง่บวกเข้าไว้ว่า การย้ายไปสโมสรใหญ่อย่างบุรีรัมย์ ย่อมเป็นความฝันของนักเตะไทยหลายๆคน นอกจากการมีรายได้ที่มากขึ้นเพื่ออนาคตของตัวเองและครอบครัว ประกอบกับสิ่งอื่นๆ ที่จะตามมาก็คือ การมีโอกาสได้มีส่วนร่วมกับการเป็นแชมป์ประเทศ แชมป์บอลถ้วย การได้ลงแข่งขันในระดับเอเซีย หรือแม้กระทั่งเส้นทางการนำไปสู่การติดทีมชาติ ความสำเร็จเหล่านี้ล้วนเป็นความฝันของนักเตะทุกคน ส่วนใครจะรับความสำเร็จตามที่ฝันไว้หรือไม่ ก็เป็นเรื่องของอนาคตที่นักเตะจะต้องพยายามไขว่คว้ามาให้ได้ ไม่มีใครสามารถรับประกันได้ สำหรับหน่องที่ปัจจุบันอายุ 29 ปี ถือว่าเป็นช่วงอายุที่มีฟอร์มการเล่นดีที่สุดของนักฟุตบอลส่วนใหญ่ จึงพอมั่นใจได้ว่าหน่องจะประสบความสำเร็จกับบุรีรัมย์อย่างแน่นอน สโมสรขอขอบคุณหน่องที่เป็นกำลังสำคัญให้กับสโมสรตลอดมา และขออวยพรให้หน่องประสบความสำเร็จสูงสุดในเส้นทางอาชีพฟุตบอลที่ตัวเองปรารถนาในอนาคตอันใกล้นี้ พวกเราจะยังถือว่าหน่องเป็นคนในครอบครัวของเราเสมอ ชื่อ “จ่าหน่อง” จะอยู่ในใจพวกเราตลอดไป
ส่วนเรื่องที่แฟนบอลชัยนาททุกท่านกังวลใจเรื่องการขาดหายไปของจ่าหน่องจะส่งผลกระทบถึงฟอร์มการเล่นของทีมนั้น ขอเรียนให้ทุกท่านทราบว่า การเปลี่ยนแปลงไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามย่อมมีผลกระทบกับทีมไม่มากก็น้อย การเข้าออกของนักกีฬาฟุตบอลในช่วงตลาดเปิดเป็นเรื่องปกติ เป็นหน้าที่ของสโมสรต้องมีวิธีบริหารจัดการและวางแผนรับมือให้ได้ ผมทราบดีว่าคนที่มาทดแทนการจากไปของหน่องหาได้ยากมาก ในมุมมองผมนักเตะไทยที่มีความสามารถดีกว่าจ่าหน่อง มีแค่ธนบูรณ์คนเดียวเท่านั้น สำหรับนักเตะที่จะมาทดแทนการจากไปของจ่าหน่อง ทางสโมสรไม่ได้นิ่งนอนใจ ดังที่เห็นใน 2-3 เกมที่ผ่านมาที่หน่องมีการอาการเจ็บกล้ามเนื้อน่องและไม่สามารถลงเล่นได้ ทีมก็มีผู้เล่นทดแทนอย่าง เบสท์ ชัชชน, โบ๊ต ณัฐพล ที่สามารถทดแทนได้ นอกจากนี้เรายังได้ติดต่อเจรจากับผู้เล่นใหม่ที่มีความสามารถที่ดีในตำแหน่งนี้ไว้อีกหนึ่งคนเพื่อมาเสริมในเลก 2 เรียบร้อยแล้ว ส่วนจะเป็นใครนั้นประมาณต้นเดือนมิถุนายนสโมสรจะเปิดตัวให้ทราบอย่างแน่นอนครับ
สุดท้าย สโมสรฯขอยืนยันว่าเราจะมุ่งมั่นสรางระบบให้ทีมพัฒนาฟอร์มการเล่นให้ดีขึ้น เราจะปรับปรุงสิ่งที่บกพร่อง เราจะทำงานหนักทุกวัน เราจะ “สู้ด้วยใจ” “สู้ด้วยจิตวิญญาณ” ของ “นักสู้ภูธร” เพื่อแฟนบอลชาวชัยนาททุกท่าน เราจะอยู่ในไทยลีกในฤดูกาลต่อไปให้ได้ ขอแฟนบอลทุกท่านเข้าใจเราและอย่าได้ทอดทิ้งกัน เราฝันอยากเห็นว่าสักวันจะมีแฟนชัยนาทมาส่งเสียงเชียร์กันเต็มสนามเขาพลอง สโมสรชัยนาท ฮอร์นบิล ทำเพื่อแฟนบอลชาวชัยนาททุกท่าน ขอให้การสนับสนุนสโมสรของเรากันต่อไป “กำลังใจจากทุกท่าน คือ พลังอันยิ่งใหญ่ให้นักเตะและสโมสร”
กราบขอบพระคุณอย่างสูง
อนุรุทธิ์ นาคาศัย
รองประธานและผู้จัดการทีม