มันเป็นฤดูกาลที่ย่ำแย่ของฮัมบูร์กจนเกิดการเปลี่ยนแปลงเทรนเนอร์ถึงสามรอบกว่าจะมาถึงมือของ คริสเตียน ทิทซ์ อย่างไรก็ตามผลงานของทิทซ์ถือว่ามีแววดูดีหลังจากปลดล็อคคุมทีมชนะครั้งแรกกับชาลเก้ 04
ฤดูกาล 2017/18 มาร์คุส กิสดอลพาทีมเก็บชัยชนะได้แค่ 4 เกมเมื่อถึงเดือนมกราคมซึ่งมันทำให้สิงห์เหนือตกอยู่ในสถานการณ์หนีตาย ก่อนจะทำการปลดกิสดอลแล้วให้แบรนด์ โฮเลอร์บัคเข้ามาทำทีมแทน แต่หลังคุมทีมไป 7 เกมแบบไม่ชนะใครเลยโฮเลอร์บัคก็ถูกปลดออกไป ทีมบริหารฮัมบูร์กไม่เชื่อมือคนนอกอีกแล้วกุนซือทีมรุ่น U-17 อย่างคริสเตียน ทิทซ์จึงถูกดึงตัวขึ้นมาทำทีมชุดใหญ่แทน
ถึงจะเป็นเทรนเนอร์โนเนมแต่ก็ทิทซ์พาทีมคว้าชัยชนะได้อย่างรวดเร็ว วันที่ 7 เมษายน 2018 เค้าพาฮัมบูร์กชนะชาลเก้ 3-2 หลังจากรับงานคุมทีมชุดใหญ่ไปได้แค่ 3 เกม แล้วหลังจากปลดล็อคคุมทีมชนะทิทซ์ก็พาฮัมบูร์กเก็บชัยชนะได้เพิ่มอีกถึงสามหนก่อนจบซีซั่น แล้วถึงมันจะไม่ได้ช่วยให้ทีมรอดตกชั้น แต่การคุมทีมชนะ 4 จาก 9 เกมในช่วงท้ายมันก็ทำให้สโมสรฮัมบูร์กวางใจให้คริสเตียน ทิทซ์ได้ทำทีมต่อแม้ว่าจะต้องถอยลงไปเล่นในระดับลีก้าสองก็ตาม
ฤดูกาล 2018/19 ทิทซ์พาฮัมบูร์กชนะ 4 จาก 5 นัดช่วงเปิดฤดูกาล ทว่าดันไปแพ้คาบ้าน 0-5 ต่อจอห์น เรเกนเบิร์ก ซึ่งมันกลายเป็นสถิติการแพ้ครั้งมโหฬารเทียบเท่ากับที่เคยพ่ายต่อบิ๊กทีมอย่างบาเยิร์น ผลงานตรงนั้นทำให้ความน่าเชื่อถือของคริสเตียน ทิทซ์ลดฮวบ เค้าถูกสั่งปลดในเดือนถัดมาโดยทางฮัมบูร์กอ้างว่าการพาทีมอยู่อันดับ 5 ถือว่ายอมรับไม่ได้ ทั้งที่ความจริงเวลานั้นฮัมบูร์กมีแต้มห่างจากจ่าฝูงเพียงแค่สองแต้ม คริสเตียน ทิทซ์เทรนเนอร์ที่มีแววหยุดสถิติคุมฮัมบูร์กไว้ที่เพียง 19 นัด(ชนะ 10 เสมอ 4 แพ้ 5) และปัจจุบันเราก็ยังไม่เคยเห็นเค้ากลับมาโชว์ฝีมือในระดับบุนเดสลีก้าอีกเลย