การแข่งขันฟุตบอลชายในมหกรรมโอลิมปิค 1996 นั้นมีเหตุการณ์อันน่าจดจำมากมายไม่ว่าจะเป็นการที่ญี่ปุ่นพลิกล็อคชนะบราซิล,การแจ้งเกิดของโรนัลโด้ R9 รวมไปถึงผลงานการยิงประตูอันเร่าร้อนของเฮอร์นัน เครสโป แต่ทว่าจะหาปรากฏการณ์อันยอดเยี่ยมแบบภาพรวมทั้งทีมก็คงไม่มีชาติไหนจะเด่นไปกว่าไนจีเรียอีกแล้ว เมื่อทัพอินทรีมรกตจบทัวร์นาเมนต์ด้วยคว้าเหรียญทองแบบเหนือความคาดหมาย
ไนจีเรียคือหนึ่งใน 16 ชาติที่ร่วมการแข่งขันครั้งในฐานะม้ามืด พวกเค้าอยู่สายเดียวกับบราซิลในรอบแรก และถึงแม้จะแพ้ต่อทัพแซมบ้าแต่ด้วยการเก็บชัยชนะได้ถึงสองนัดในรอบแรก ก็ทำให้ไนจีเรียสามารถผ่านเข้ารอบรอบควอเตอร์ไฟนอลได้แบบชิลๆ พวกเค้าผ่านเม็กซิโกมาได้แบบสบายๆ แต่ก็ต้องโคจรกลับมาพบกับบราซิลอีกครั้งในรอบรองชนะเลิศ และถึงแม้จะถูกทัพแซมบ้านำไปก่อนถึง 3-1 แต่ไนจีเรียก็สู้ยิบตากลับมาเสมอก่อนหมดเวลาได้ 3-3 และทะลึ่งยิงประตูชัยโกลเด้นโกลจนพลิกกลับมาเป็นฝ่ายชนะได้อย่างสุดอลังกาล 4-3
วันที่ 3 สิงหาคม 1996 ไนจีเรียลงชิงเหรียญทองกับอาร์เจนติน่าที่กองหน้าอย่างเฮอร์นัน เครสโปกำลังท็อปฟอร์ม แล้วก็เหมือนหนังฉายซ้ำไนจีเรียตกเป็นฝ่ายตามหลังถึงสองหนแต่สุดท้ายก็กลับมาพลิกแซงชนะไปอย่างสุดมันส์ 3-2 นั่นจึงส่งผลให้ไนจีเรียกลายเป็นชาติแรกจากทวีปแอฟริการที่สามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลชายโอลิมปิคได้สำเร็จ โดยในทีมไนจีเรียชุดประวัติศาสตร์ครั้งนั้นประกอบด้วยตาริโบ เวสต์,เจเจ โอโคชา,ดาเนี่ยล อโมคาชี่,ซันเดย์ โอริเซย์,วิคเตอร์ อิคเปบ้า,เอ็มมานูเอล อะมูนิเก้,เซเลสติน บาบายาโร่และเอ็นวานโก้ คานู ซึ่งแต่ละชื่อเหล่านี้ต่อมาก็ล้วนแล้วแต่เป็นที่คุ้นหูในหมู่แฟนบอลด้วยกันทั้งหมด
