หลังจากคว้าแชมป์ลีกคัพในปี 1996 ลิเวอร์พูลก็ตกอยู่ในช่วงสูญญากาศ จากทีมเต็งแชมป์พวกเค้าโดนแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเบียดกระเด็นมาเป็นทีมระดับกลางตาราง แถมในการแข่งขันฟุตบอลถ้วยก็มือเปล่าติดต่อกัน
ถึงอย่างนั้นเชราร์ อุริเย่ร์ก็ไม่ยอมถอดใจ กุนซือชาวฝรั่งเศสพยายามสร้างทีมขึ้นมาใหม่ซึ่งมาเริ่มลงตัวในปี 2000 เกมรับมีซามี ฮูเปียคอยดูแล แผงกลางมีจอมเก๋าอย่างดีทมาร์ ฮาร์มันน์ ส่วนเกมรุกมีสองดาวเด่นอย่างเอมิล เฮสกี้และไมเคิล โอเว่น นอกจากนั้นก็ยังมีดาวรุ่งดวงใหม่อย่างสตีเฟ่น เจอราร์ดก็เริ่มฉายแววเด่นขึ้นมา
ฤดูกาล 2000/01 ลิเวอร์พูลเปิดตัวในลีกได้ไม่สู้ดีนัก พวกเค้าขาดความคงเส้นคงวาแต่ทว่ากลับไปได้สวยในรายการบอลถ้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายการถ้วยลีกคัพที่ปะนั้นหงส์แดงวาสนาดีมาก เพราะหลังจากเจอเชลซีในรอบแรกพวกเค้าก็ไม่เจอทีมใหญ่อีกเลยตลอดเส้นทางจนกระทั่งถึงนัดชิงชนะเลิศ
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2001 กลายเป็นนัดชิงชนะเลิศที่ดูไม่หนักหนาอะไรเมื่อคู่ต่อกรคือเบอร์มิ่งแฮมซิตี้ที่อยู่ในลีกดิวิชั่น 1 (ภายหลังเปลี่ยนเป็นลีกเดอะแชมเปี้ยนชิพ) แล้วลิเวอร์พูลที่นำอยู่ตลอดทั้งเกมก็โดนสมันน้อยอย่างทีมตราลูกโลกตีเสมอในนาทีสุดท้ายครบ 90 นาทีสกอร์จึงเสมอที่ 1-1 เกมยืดเยื้อไปจนต้องตัดสินด้วยการยิงจุดโทษ แต่ทว่าสุดท้ายลิเวอร์พูลก็ยิงแม่นกว่าจนเอาชนะไปได้ในที่สุด 5-4 นอกจากจะเป็นการกลับมามีถ้วยรางวัลติดมืออีกครั้งในรอบ 5 ปีแล้วลิเวอร์พูลยังเป็นทีมแรกของอังกฤษที่ได้แชมป์ระดับเมเจอร์จากการยิงจุดโทษ แถมบทสรุปปีนั้นชาวเดอะค็อปได้ฉลองแชมป์ถึงสามครั้งด้วยกัน เมื่ออุริเย่ร์ยังสามารถพาทีมคว้าแชมป์เอฟเอคัพและยูฟ่าคัพเพิ่มได้อีกด้วยนั่นเอง
