แม้หลายคนจะรู้จักพิษสงของโรนัลดินโญ่เป็นอย่างดี แต่หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าอันที่จริงแล้วในช่วงแรกที่ถูกเรียกติดทีมชาติบราซิลเค้าก็ยังไม่ได้รับการจับตามองมากนัก กระทั่งประตูที่เค้ายิงใส่ทีมชาติอังกฤษในฟุตบอลโลก 2002 ซึ่งนั่นถือเป็นการปลดล็อคฝีเท้าของโรนัลดินโญ่อย่างแท้จริง
ด้วยความที่บราซิลนั้นมีมาตรฐานการเล่นอย่างสูงลิบลากยาวมาตั้งแต่ปลายยุค 90 ภายใต้บารมีฝีเท้าของโรนัลโด้ R9และริวัลโด้ นั่นทำให้เจ้าเหยินเล็กอย่างโรนัลดินโญ่ที่โดดเด่นจากผลงานทีมชาติชุดเล็กก็ยังไม่ได้รับการจับตามองมากนัก แม้ว่าอันที่จริงแล้วเค้าจะถูกเรียกติดทีมชาติชุดใหญ่ตั้งแต่ก่อนปี 2000 แล้วก็ตาม
แม้จะถูกเรียกใช้งานอย่างต่อเนื่องในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2002 แถมยิงประตูได้ในเกมชนะจีน 4-0 แต่ในสายตาแฟนบอลทั่วไปพวกเค้าก็ยังคงพุ่งเป้าไปยังสตาร์ดังอย่างเจ้าเหยินใหญ่ โรนัลโด้ R9 มากกว่า กระทั่งวันที่ 21 มิถุนายน 2002 ที่เป็นการแข่งขันก่อนรอบรองชนะเลิศระหว่างบราซิลกับอังกฤษ ทัพเซเลาเซาโดนเจาะตาข่ายไปก่อนจากผลงานของไมเคิล โอเว่น แต่โรนัลดินโญ่ก็จ่ายถวายพานให้ริวัลโด้ยิงตีเสมอได้สำเร็จก่อนจบครึ่งแรก ก่อนที่ครึ่งหลังโรนัลดินโญ่จะซัดฟรีคิ๊กอันกลายเป็นประตูคลาสสิคบันลือโลก จากจังหวะได้ลูกฟรีคิ๊กระยะ 35 หลาที่ค่อนข้างไกล ผู้เล่นอังกฤษที่มัวเฝ้าระวังลูกเปิดเข้าไปลุ้นหน้าปากประตูกลับโดนเจ้าเหยินน้อยหลอกยิงประตูด้วยการเปิดโค้งข้ามหัวผู้รักษาประตูเดวิด ซีแมนเสียบคานเสาไกลเข้าไปอย่างเหนือชั้นส่งผลให้บราซิลเป็นฝ่ายพลิกกลับมาชนะได้ 2-1
ประตูดังกล่าวไม่เพียงแต่พาทีมชาติบราซิลผ่านเข้ารอบไปสู่การเป็นแชมป์โลกสมัยที่ 5 เท่านั้น แต่มันยังทำให้ใครต่อใครต่างยอมรับในฝีเท้าของโรนัลดินโญ่อีกด้วย เค้าได้รับใช้ชาติต่อเนื่องมาจนถึงปี 2013 นับรวมลงเล่นได้ 97 นัดยิงได้ 33 ประตูพร้อมทำทางให้เพื่อนอีก 24 แอสซิสต์