หลายคนเห็นแล้วว่าลิเวอร์พูลยุคปัจจุบันนั้นผลงานโดดเด่นแค่ไหน โดยหารู้ไม่ว่าก่อนหน้านั้นหงส์แดงนั้นฟอร์มตกอย่างหนักก่อนที่จะได้เจอร์เกน คล็อปป์เข้ามาฉุดรั้งให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
หลังจากพลาดแชมป์ลีกในฤดูกาล 2013/14 ลิเวอร์พูลในยุคของแบรนดอน ร็อดเจอร์สก็ดูจะสูญเสียความมั่นใจ จนหลุดไปถึงอันดับ 6 ในซีซั่นถัดมา ก่อนจะมาเจอพายุใหญ่ในฤดูกาล 2015/16 เมื่อพวกเค้าแพ้คาบ้านให้เวสต์แฮม (0-3) ตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาล แถมยังมาพ่ายคู่ปรับตลอดกาลอย่างแมนยูฯ (1-3) นั่นทำให้ร็อดเจอร์สต้องกระเด็นออกไปเพื่อเปิดทางให้เจอร์เกน คล็อปป์เข้ามารับงานต่อ
แม้คล็อปป์จะเปิดตัวได้ไม่ดีนักเมื่อทำได้เพียงบุกไปยันเสมอสเปอร์สมา 0-0 ต่อด้วยเสมอเซาร์แธมป์ตันคาแอนด์ฟิล 1-1 แต่หงส์แดงของกุนซือชาวเยอรมันกลับทำงานได้ดีในการพบกับทีมบิ๊กเนม เพราะสามแต้มแรกที่คล็อปป์เก็บได้กับลิเวอร์พูลนั้นมาจากการบุกไปชนะแชมป์เก่าอย่างเชลซี 3-1
แล้วโปรแกรมหนักก็เรียงรายเข้ามาแบบต่อเนื่องเพราะอีกแค่สามสัปดาห์ลิเวอร์พูลมีคิวต้องบุกไปเยือนแมนเชสเตอร์ที่มีดีกรีเป็นถึงทีมรองแชมป์ซีซั่นก่อน แต่ทว่าวันที่ 21 พฤศจิกายน 2015 คล็อปป์ก็แสดงให้เห็นว่าเค้ามีดี เมื่อพลพรรคหงส์แดงรัวยิงปินำห่างถึงสามเม็ดตั้งแต่ครึ่งแรก และจบเกมด้วยการเอาชนะเรือใบไป 4-1
ชัยชนะเหนือซิตี้ในวันนั้นคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ขาเก้าอี้ของเจอร์เกน คล็อปป์นั้นมั่นคง และทำให้กุนซือชาวเยอรมันมีเวลาปรับจูนทีม กระทั่งสามารถพาลิเวอร์พูลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้เป็นครั้งแรกในฤดูกาล 2019/20 และรักษาสถานะเป็นทีมในกลุ่มลุ้นแชมป์ลีกได้อย่างต่อเนื่องเรื่อยมา