นี่คือผู้เล่นที่มีเรื่องราวของตัวเองที่ไม่เหมือนใคร โอเว่น ฮาร์กรีฟคือมิดฟิลด์ลูกครึ่งแคนาดา-อังกฤษที่เปิดตัวกับสโมสรในเยอรมันอย่างบาเยิร์น มิวนิค ด้วยการเล่นเป็นกองกลางตัวรับที่เปี่ยมไปด้วยพลัง ทำให้หลายสโมสรในอังกฤษต่างอยากได้ตัวฮาร์กรีฟมาช่วยงานด้วยกันทั้งนั้น
แล้วก็เป็นแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดที่ยอมทุ่มเงิน 17 ล้านปอนด์เพื่อดึงตัวฮาร์กรีฟกลับมาค้าแข้งในพรีเมียร์ลีก แต่ทว่าหลังจากกลับมาค้าแข้งในอังกฤษเจ้าตัวก็มีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่ตลอด มีเพียงฤดูกาล 2007/08 เท่านั้นที่ฮาร์กรีฟยังพอเห็นหน้าเห็นตาในสนาม แต่หลังจากนั้นอีกสามปีเค้าแทบไม่ได้ลงเล่นอีกเลย อันเป็นผลมาจากสภาพร่างกายที่ฟิตสมบูรณ์เต็มร้อยเลย หลังหมดสัญญาในปี 2011 ยูไนเต็ดจึงจำใจต้องปล่อยตัวฟรีออกไป แม้ว่าอันที่จริง(เซอร์)อเล็ก เฟอกูสันจะเป็นหนึ่งคนที่หลงไหลในฝีเท้าของโอเว่น ฮาร์กรีฟเป็นอย่างมากก็ตาม
นั่นจึงเปิดทางให้ฮาร์กรีฟในวัน 30 ปีได้รับโอกาสเซ็นสัญญากับแมนเชสเตอร์ซิตี้ โดยเจ้าตัวลงประเดิมสนามกับทัพเรือใบอย่างจริงจังในศึกคาลิ่งคัพ วันที่ 21 กันยายน 2011 ฮาร์กรีฟลงเล่นเป็นตัวจริงกับแมนซิตี้เป็นครั้งแรกสำหรับการรับมือกับเบอมิ่งแฮม เจ้าตัวตะบันไกล 30 หลาเป็นประตูให้ทีมขึ้นนำ แล้วถึงแม้จะถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามไปตั้งแต่นาที 57 แต่ยังได้รับรางวัลแมน ออฟ เดอะ แม็ตซ์ไปครอบครอง
ซึ่งนั่นก็ถือเป็นชอตท้ายๆที่แฟนบอลได้เห็นผลงานของโอเว่น ฮาร์กรีฟแบบจับต้องได้ เพราะสุดท้ายเค้าก็ฝืนสังขารไม่ไหว ฤดูกาล 2011/12 เค้าลงช่วยแมนซิตี้ได้เพียง 4 นัดรวมทุกรายการ และลงเอยด้วยการถูกปล่อยตัวฟรีอีกครั้ง แล้วรอบนี้ก็ไม่มีทีมไหนยื่นข้อเสนอให้เค้าอีกแล้ว ทำให้โอเว่น ฮาร์กรีฟต้องแขวนสตั๊ดไปโดยปริยายด้วยวัยเพียง 31 ปี