ปัจจุบันฟีฟ่านั้นให้ความสำคัญในประเด็นที่กีฬาฟุตบอลจะต้องเกี่ยวข้องกับการเมือง ซึ่งเป็นไปเพราะต้องการักษาความเป็นมืออาชีพ และป้องกันเรื่องผลประโยชน์ที่มองไม่เห็น นั่นก็เพราะมันเคยเกิดเรื่องอื้อฉาวเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อนักฟุตบอลที่เป็นลูกชายนักการเมืองก้าวเข้ามาสร้างความปั่นป่วนให้กับสโมสรเปรูจาในศึกกัลโช่ เซเรียอา อิตาลี่
ย้อนกลับไปในยุค 2000 ในเวลานั้นพันเอกโมอัมมาร์ กัดดาฟี่ ผู้นำกลุ่มลิเบียใหม่นั้นปกครองประเทศด้วยความโหดเหี้ยม และไม่มีใครจัดการเค้าได้ แต่ที่เลวร้ายกว่าเมื่อ ซาอัดดี กัดดาฟี่ ลูกชายแท้ๆของโมอัมมาร์กลับอาศัยอิทธิพลทางการเมืองของพ่อ จนนำไปสู่การเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพกับสโมสรเปรูจา ซึ่งในเวลานั้นพวกเค้าคือทีมในกัลโช่ เซเรียอาของอิตาลี่ โดยในที่ 29 มิถุนายน 2003 ริคาร์โด้ กาอุชชี่ ประธานสโมสรเปรูจาได้เปิดตัวการเซ็นสัญญากับกัดดาฟี่ผู้ลูกอย่างโออ่า พวกเค้าเชิญสื่อมวลชนมาทำข่าวกันอย่างครึกโครม ทั้งที่นักเตะรายนี้ไม่ได้มีฝีเท้าโดดเด่นอะไร รวมไปถึงสถิติการเล่นฟุตบอลก็ไม่มีอะไรน่าจดจำ
ซาอัดดี กัดดาฟี่ เข้าร่วมทีมเปรูจาด้วยเงื่อนไขอื่นที่ไม่ใช่การเล่นฟุตบอล นั่นทำให้เค้ามีวิถีชีวิตที่แตกต่างจากเพื่อนร่วมทีมอย่างสิ้นเชิง อาทิ สามารถไปพบแพทย์เพื่อประเมินอากาบาดเจ็บโดยไม่ต้องแจ้งต้นสังกัด รวมไปถึงบอดี้การ์ดของเค้าก็มักเดินเพ่นพานรอบๆสนามในระหว่างที่นักเตะกำลังฝึกซ้อม นั่นจึงไม่น่าแปลกใจที่ซาอัดดีจะได้ลงสนามเพียง 2 ครั้งตลอดสัญญา 4 ปี แม้ว่าเค้าจะมีความตั้งใจที่จะพัฒนาฝีเท้าให้เป็นยอดนักเตะด้วยการจ้าง ดีเอโก้ มาราโดน่า มาซ้อมประกบเป็นการส่วนตัวก็ตาม แต่บ่อยครั้งที่ กัดดาฟี่ มักต้องได้รับบาดเจ็บจากการซ้อมไปเสียเอง ราวกับว่าเค้าไม่ได้มีสภาพร่างกายหรือความฟิตที่เพียงพอสำหรับการเป็นนักฟุตบอลอาชีพเอาเสียเลย
แม้ว่าต่อมา ซาอัดดี จะได้เซ็นสัญญากับซามพ์โดเรียแต่เค้าก็ไม่เคยได้ลงสนามให้กับทีมเลย ก่อนที่จะมีการปฏิวัติลิเบียในปี 2011 ซึ่งผลลงเอยด้วยการเสียชีวิตของ โมอัมมาร์ กัดดาฟี่ ผู้เป็นพ่อ และทำให้ ซาอัดดี กัดดาฟี่ก็ยังคงถูกจองจำอยู่ในประเทศลิเบียมาจนถึงปัจจุบัน
เขียนโดย DT-1
ขอบเขตความรับผิดชอบ : วิดีโอนี้ถูกสร้างขึ้นและถูกผลิตโดย “youtube.com” “Roberto Pistarino” สามารถค้นหาได้ทั่วไป ซึ่งทำให้เจ้าของวิดีโอนี้ที่ผลิตขึ้น เป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้