นิวคาสเซิ่ล คือทีมเก่าแก่ของอังกฤษแถมพวกเค้ายังมีดีกรีเป็นแชมป์ฟุตบอลดิวิชั่นหนึ่งอังกฤษปี 1992/93 ปีสุดท้ายก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อมาเป็นพรีเมียร์ลีก นั่นทำให้พลพรรคทูนอาร์มี่ต่างหวังอยู่ลึกๆ ว่าพวกเค้าก็มีลุ้นที่ประสบความสำเร็จในพรีเมียร์ลีกได้เช่นกัน แม้ว่าในช่วงปลายยุค 90 พวกเค้าจะไม่อาจทับรัศมีสองทีมยักษ์ใหญ่อย่าง อาร์เซนอล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ก็ตาม แต่แล้วในปี 1999 การมาของ เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน ก็ทำให้ชาวเมืองนิวคาสเซิลกลับมามีหวังที่จะประสบความสำเร็จได้อีกครั้ง
เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน ถือเป็นกุนซือชาวอังกฤษที่มีประสบการณ์อย่างมากมายในยุโรป เมื่อเค้าเคยผ่านงานคุมทีมชั้นนำของยุโรปมาแล้วอย่างมากมาย อาทิ พีเอสวีไอน์โฮเฟ่น ,สปอติ้งลิสบอน ,เอฟซี ปอร์โต้ และบาเซโลน่า แถมทุกทีมที่รับงานก็มักมีถ้วยรางวัลติดไม้ติดมือกับเขาเสียด้วย นั่นจึงทำให้นิวคาสเซิลเล็งเห็นว่าท่าน เซอร์ นี่แหล่ะที่เหมาะกับการเข้ามาปลุกชีพนิวคาสเซิล
วันที่ 3 สิงหาคม 1999 เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน จึงหวนกลับมาทำงานในบ้านเกิดอีกครั้งด้วยการนั่งแท่นผู้จัดการทีม นิวคาสเซิล ด้วยวัย 66 ปี แล้วมันก็ดูมีแนวโน้มที่ดีพาทีมจบอันดับ 4 พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2001/02 แม้จะไม่ผ่านฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกรอบคัดเลือก แต่เดอะทูนก็ยังได้สิทธิไปเตะยูฟ่าคัพ และยังไปได้ไกลถึงรอบรองชนะเลิศอีกด้วย โดยทีม นิวคาสเซิล ในเวลานั้นประกอบแข้งดังหลายราย อาทิ เคร็ก เบลามี่ ,คีรอน ดายเออร์ ,เจอแมน จีนาส ,โรล็อง โรแบร์ และ อลัน เชียเรอร์ ทำให้ช่วงเวลานั้น นิวคาสเซิล ก้าวขึ้นมาทาบรัศมีในกลุ่มหัวตารางพรีเมียร์ลีกได้อย่างน่าประทับใจ
แต่ทว่าน่าเสียดายที่ เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน อยู่ได้เพียง 4 ปีเท่านั้น เนื่องจากในฤดูกาล 2004/05 ผลงานทีมไม่ค่อยดีนักจนทำให้ถูกสั่งปลดในที่สุด เหลือไว้เพียงสถิติคุมทีม 255 นัด ชนะ 119 เสมอ 64 และแพ้ 72 นัด ซ้ำยังเป็นสโมสรสุดท้ายที่เซอร์บ๊อบสันรับงานคุมทีม เพราะนับตั้งแต่วางมือจาก นิวคาสเซล ในปี 2004 เค้าก็ไม่เคยรับงานข้างสนามอีกเลยก่อนจะเสียชีวิตไปในปี 2009 โดยปัจจุบันหน้าสนามเซนต์เจมส์ปาร์ค ก็ได้มีรูปปั้นของ เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน ตั้งตระหง่านเอาไว้ให้แฟนบอลได้รำลึกกันอีกด้วย
เขียนโดย DT-1