สำหรับชาวเรดอาร์มี่แล้วคงรู้แก่ใจกันอยู่แล้วว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้นเคยยิ่งใหญ่แค่ไหนในสมัยที่ยังมีท่านเซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสัน คุมทีมอยู่ข้างสนาม แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าหากไม่ทราบว่าในปี 1992 นั้นคือหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญที่ได้กลายเป็นรากฐานสำคัญต่อความสำเร็จของสโมสรมาจนถึงปัจจุบัน
สำหรับวงการฟุตบอลอังกฤษในยุค 80 แล้ว แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเวลานั้นยังคงเป็นทีมระดับกลางๆของตารางเท่านั้น แม้พวกเค้าจะได้ตัวผู้จัดการทีมฝีมือดีมาจากวงการลูกหนังสก็อตแลนด์อย่าง อเล็ก เฟอร์กูสัน ก็ตาม แต่ทว่าทีมก็ยังคงไม่ได้แชมป์ลีกเสียจนมีข่าวว่า เฟอร์กี้ เองก็อาจโดนปลดออกจากตำแหน่งในช่วงฤดูกาล 1989/90 เพราะในเวลานั้นเค้าจำเป็นต้องจัดการรายละเอียดต่างๆของสโมสร ไล่ตั้งแต่นิสัยการดื่มหรือคุณภาพนักเตะที่ต่ำกว่ามาตรฐาน
แต่ชายชื่อ เฟอร์กูสัน นั้นไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆ เค้ามีความเชื่ออย่างแรงกล้าว่าจะสามารถผลักดันทีมไปสู่ความสำเร็จได้อย่างแน่นอน แล้วพวกเค้าก็ได้แชมป์บอลถ้วยในช่วงปี 1900-1991 นั่นจึงทำให้ขาเก้าอี้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง แล้วจิ๊กซอร์ชิ้นสำคัญก็ถูกเติมเต็มในช่วงต้นปี 1992 เมื่อเฟอร์กูสันซื้อตัวเอริค คันโตน่ามาจากลีดส์ ยูไนเต็ด เพราะเคมีข้างสนามของเฟอร์กี้เมื่อรวมกับเคมีในสนามของคันโตน่าส่งเสริมให้ปีศาจแดงกลายเป็นทีมที่เล่นได้อย่างมหัศจรรย์ นักเตะยูไนเต็ดหลายคต่างยอมรับว่าการมาของคันโตน่าเป็นแรงเสริมชั้นดีให้กับทีม
เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 1992 เฟอร์กูสันก็ทำสำเร็จเค้าพาแมนยูฯคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกได้สำเร็จ และเป็นการกลับมาทวงแชมป์ลีกได้อีกครั้งในรอบ 26 ปี แล้วถ้วยรางวัลใบนั้นก็เป็นย่างก้าวแรกที่นำพาปีศาจแดงก็ขยับขึ้นมาเป็นทีมบิ๊กเนมของเกาะอังกฤษแทนที่คู่ปรับตลอดกาลอย่าง ลิเวอร์พูล ได้สำเร็จ ด้วยการสร้างสรรค์สไตล์บอลที่เน้นเกมรุกบวกกับฝีมือในการปั้นนักเตะระดับเวิลด์คลาสนำพาให้ท่านเซอร์นำถ้วยรางวัลมาประดับโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดได้อย่างล้นหลาม จนพูดได้เต็มปากว่าความยิ่งใหญ่ของปีศาจแดงในยุคของท่านเซอร์นั้นได้เริ่มต้นนับตั้งแต่วันนั้น
นับตั้งแต่เซอร์อเล็กจะวางมือจากการทำทีมแมนยูฯไปทีมก็ไม่เคยคว้าแชมป์ลีกได้อีกแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นสโมสรก็ยังคงมีมูลค่าทางการตลาดในระดับสูง และยังมีชื่อเสียงพอที่จะดึงดูดนักเตะชื่อดังมาร่วมทีมได้อยู่เสมอ ซึ่งถือเป็นมรดกที่ป๋าเฟอร์กี้ทิ้งไว้ให้กับทีมตราบจนถึงยุคปัจจุบัน
เขียนโดย DT-1