ว่ากันว่าเกมฟุตบอลนั้นเต็มไปด้วยความกดดัน นั่นทำให้เรามักจะพบเห็นอารมณ์ที่หลากหลายของนักเตะกันอยู่เสมอ ยิงเข้าก็สะใจ หรือหากเล่นพลาดก็อาจหัวเสียกันไป แต่ทว่าในประวัติศาสตร์ฟุตบอลก็มีนักเตะบางคนที่เป็นข้อยกเว้น กล่าวคือไม่ว่าเค้าจะเล่นดีหรือแย่แค่ไหนก็ตามเค้ามักจะมีรอยยิ้มอยู่เสมอ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเค้าคนนี้ ดไวค์ ยอร์ค
ดไวค์ ยอร์ค เป็นชาวตรินิแดด แอน โทเบโก้ แม้จะเค้าจะเริ่มเล่นฟุตบอลกับทีมระดับโรงเรียนในบ้านเกิด แต่ทว่าฝีเท้าของกองหน้ารายนี้ก็เตะตาเข้ากับ เกรแฮม เทเลอร์ กุนซือของแอสตัน วิลล่า เข้าอย่างจัง ด้วยวัยเพียง 18 ปี ดไวค์ ยอร์ค ถูกทีมสิงห์ผงาด ดึงตัวมาร่วมทีมอย่างน่าเหลือเชื่อ ด้วยสัญชาตญาณการทำประตูที่เป็นธรรมชาติก็ผลักดันให้เค้าก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะตัวหลักของ แอสตัน วิลล่า ในที่สุด เค้ากลายเป็นหัวหอกตัวหลักของทีม กระทั่งสามารถพาทีม แอสตัน วิลล่า ขึ้นมาเบียดลุ้นแชมป์กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้อย่างประทับใจในช่วงปลายของยุค 90 ซึ่งแฟนบอลมักจะได้เห็นรอยยิ้มของเค้าอยู่เสมอไม่ว่าเค้าเล่นดี หรือเล่นแย่ก็ตาม แล้วรอยยิ้มฟันขาวของ ยอร์ค ก็เตะตา เซอร์ อเล็ก เฟอร์กู สันนายใหญ่ปีศาจแดงเข้าอย่างจัง
แม้ว่าทีมสิงห์ผงาด จะไม่อยากปล่อยตัวเค้าออกไป แต่ทว่าในวันที่ 20 สิงหาคม 1998 ดไวค์ ยอร์ค ก็ถูก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชิงตัวไปใช้งานจนได้ด้วยค่าตัว 12.6 ล้านปอนด์ แล้วมันก็เป็นปีทองของกองหน้าชาวตรินิแดด เมื่อยอร์ค เปิดตัวซีซั่นแรกกับแมนยูฯ ได้อย่างเหลือเชื่อ เมื่อ ยอร์ค เล่นได้เข้าขากับ แอนดี้ โคล อย่างเหลือเชื่อ เค้ายิง 29 ประตูจาก 51 นัด กลายเป็นนักเตะคนที่สำคัญที่พาปีศาจแดงคว้าทริปเปิลแชมป์ได้สำเร็จ อันประกอบด้วย แชมป์พรีเมียร์ลีก ,แชมป์เอฟเอคัพ และแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เท่านั้นยังไม่พอ ดไวค์ ยอร์ค ยังได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล 1998/99
ช่วงสวมชุดปีศาจแดง คือจุดสูงสุดของ ยอร์ค อย่างแท้จริง เมื่อเค้ามีดีกรีเป็นถึงแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัย เพราะหลังจากอำลาโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในปี 2002 เค้าก็ไม่เคยกลับมาโชว์ฟอร์มเก่งได้อีกเลย ก่อนที่จะพเนจรไปค้าแข่งกับอีกหลายทีม ได้แก่ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ ,เบอมิ่งแฮม ซิตี้ ,ซิดนี่ย์ เอฟซี และซันเดอร์แลนด์ ก่อนที่ยอร์คจะประกาศอำลาสนามในปี 2009 ด้วยวัย 38 ปี
เขียนโดย DT-1
ขอบเขตความรับผิดชอบ : วิดีโอนี้ถูกสร้างขึ้นและถูกผลิตโดย “youtube.com” “Sky Sports Retro” สามารถค้นหาได้ทั่วไป ซึ่งทำให้เจ้าของวิดีโอนี้ที่ผลิตขึ้น เป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้